เครื่องสับย่อยเอนกประสงค์ (Food Waste Disposer) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการย่อยเศษอาหารหรือวัสดุอินทรีย์อื่น ๆ เป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อลดปริมาณขยะที่ต้องการกำจัด ซึ่งมักใช้ในบ้านหรือร้านอาหารเพื่อลดปัญหาของขยะอินทรีย์ที่สะสม

เครื่องสับย่อยเอนกประสงค์ (Food Waste Disposer) คืออะไร?

เครื่องสับย่อยเอนกประสงค์ (Food Waste Disposer) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการย่อยเศษอาหารหรือวัสดุอินทรีย์อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง ถูกออกแบบมาเพื่อลดปริมาณขยะที่ต้องกำจัดและทำให้กระบวนการจัดการขยะอินทรีย์สะดวกมากขึ้น เครื่องนี้เหมาะสำหรับการใช้งานในครัวเรือน ร้านอาหาร หรือสถานประกอบการที่ต้องการลดปริมาณขยะและช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมโดยลดการสะสมของขยะอินทรีย์

 

หลักการของเครื่องสับย่อยเอนกประสงค์

หลักการทำงานของเครื่องสับย่อยเอนกประสงค์คือการใช้ใบมีดและแรงเหวี่ยงเพื่อสับและย่อยเศษอาหารหรือวัสดุอินทรีย์เป็นชิ้นเล็กๆ ซึ่งช่วยให้ขยะย่อยง่ายและถูกล้างออกไปพร้อมกับน้ำ กระบวนการนี้ทำให้การกำจัดขยะสะอาดและไม่มีกลิ่นรบกวน

 

องค์ประกอบของเครื่องสับย่อยเอนกประสงค์

เครื่องสับย่อยเอนกประสงค์ประกอบด้วยส่วนประกอบหลักๆ ดังนี้:

  1. ห้องบด: ที่ใช้ในการบรรจุเศษอาหารหรือวัสดุอินทรีย์
  2. ใบมีดบด: ใช้สำหรับสับและย่อยเศษอาหารให้เป็นชิ้นเล็กๆ
  3. ระบบหมุนเหวี่ยง: เพื่อช่วยในการกระจายเศษอาหารและน้ำ
  4. ระบบควบคุม: สำหรับเปิด-ปิดเครื่องและควบคุมการทำงาน
  5. ช่องระบายน้ำ: สำหรับล้างเศษอาหารออกไปพร้อมกับน้ำ

 

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากเครื่องสับย่อยเอนกประสงค์

เครื่องสับย่อยเอนกประสงค์สามารถใช้ย่อยเศษอาหารต่างๆ เช่น:

  • เศษผัก ผลไม้
  • เศษเนื้อสัตว์
  • เปลือกไข่

 

ราคาโดยประมาณของเครื่องสับย่อยเอนกประสงค์

ราคาของเครื่องสับย่อยเอนกประสงค์อาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับขนาดและประสิทธิภาพของเครื่อง ราคามักอยู่ในช่วง 5,000 ถึง 50,000 บาท ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติและการออกแบบของเครื่อง

 

ข้อดีข้อเสียของเครื่องสับย่อยเอนกประสงค์

ข้อดี:

  • ลดปริมาณขยะอินทรีย์ในครัวเรือน
  • ช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์จากขยะ
  • ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม

ข้อเสีย:

  • ต้องการการติดตั้งและดูแลรักษา
  • ราคาอาจสูงสำหรับบางรุ่น

 

วิธีการเลือกเครื่องสับย่อยเอนกประสงค์

การเลือกเครื่องสับย่อยเอนกประสงค์ควรพิจารณาจาก:

  1. ขนาดและความจุ: เลือกขนาดที่เหมาะสมกับปริมาณขยะที่ต้องการจัดการ
  2. ระบบควบคุมและความปลอดภัย: ควรเลือกเครื่องที่มีระบบความปลอดภัยและใช้งานง่าย
  3. วัสดุและการออกแบบ: เลือกวัสดุที่ทนทานต่อการใช้งานหนัก

 

วัตถุดิบที่ใช้กับเครื่องสับย่อยเอนกประสงค์

วัตถุดิบที่สามารถใช้กับเครื่องสับย่อยเอนกประสงค์ ได้แก่:

  • เศษผัก ผลไม้
  • เศษอาหารจากการประกอบอาหาร
  • เปลือกผลไม้ และเปลือกไข่

 

ประวัติความเป็นมาของเทคโนโลยีเครื่องสับย่อยเอนกประสงค์ (Food Waste Disposer)

เทคโนโลยีเครื่องสับย่อยเอนกประสงค์ (Food Waste Disposer) เริ่มพัฒนาขึ้นครั้งแรกในช่วงปลายทศวรรษ 1920 โดย John W. Hammes สถาปนิกจากเมืองวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา เขาคิดค้นอุปกรณ์นี้เพื่อช่วยลดปัญหาการจัดการขยะในบ้านเรือน โดยในปี 1927 เขาได้สร้างต้นแบบของเครื่องนี้ที่ติดตั้งใต้ซิงก์ล้างจาน ทำหน้าที่ย่อยเศษอาหารให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ซึ่งสามารถล้างออกไปกับน้ำได้

เครื่องต้นแบบของ Hammes ได้รับการจดสิทธิบัตรในปี 1935 และในปี 1940 เขาได้ก่อตั้งบริษัทชื่อ InSinkErator ที่มุ่งเน้นการผลิตและจำหน่ายเครื่องสับย่อยเอนกประสงค์ ซึ่งในเวลานั้นถือเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่และได้รับความสนใจอย่างมากในสหรัฐฯ

ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เทคโนโลยีการสับย่อยขยะได้แพร่หลายมากขึ้น โดยรัฐบาลสหรัฐฯ สนับสนุนการใช้เครื่องสับย่อยเอนกประสงค์เพื่อแก้ปัญหาขยะในเมืองที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว อุตสาหกรรมผลิตเครื่องสับย่อยเอนกประสงค์จึงเติบโตขึ้นเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญ ในยุคนี้เทคโนโลยีเครื่องสับย่อยได้แพร่กระจายไปยังหลายประเทศทั่วโลก

ในปัจจุบัน เครื่องสับย่อยเอนกประสงค์ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น มีการใช้วัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อน ระบบความปลอดภัยที่ดีขึ้น และยังสามารถย่อยขยะได้หลากหลายมากขึ้น ไม่เพียงแต่เศษอาหารเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเศษวัตถุอินทรีย์อื่น ๆ อีกด้วย นอกจากนี้ เครื่องยังถูกออกแบบให้มีขนาดกะทัดรัดและติดตั้งง่ายขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานในครัวเรือนทั่วไป

การเติบโตของเทคโนโลยีนี้สอดคล้องกับแนวโน้มด้านสิ่งแวดล้อม โดยเครื่องสับย่อยเอนกประสงค์ช่วยลดปริมาณขยะที่ต้องนำไปทิ้งในบ่อฝังกลบ ลดปัญหาการสะสมของขยะอินทรีย์ที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นและดึงดูดสัตว์พาหะ รวมถึงช่วยลดก๊าซมีเทนจากกระบวนการย่อยสลายในบ่อขยะ