เครื่องแร่งแกรนูล (GRANULATOR) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในกระบวนการการผลิตเพื่อแปลงวัสดุเป็นลูกเล็กๆ หรือเกรนูล โดยทั่วไปใช้กับวัสดุที่มีลักษณะเป็นเม็ด เช่น พลาสติก ยาง หรือวัสดุอื่น ๆ ที่ต้องการให้เป็นรูปลูกโดยมีขนาดที่เท่ากันหรือใกล้เคียงกัน

 

GRANULATOR (เครื่องแร่งแกรนูล)

  • มีหลายแบบ เช่น

    1. SWING GRANULATOR

    2. HIGH-SPEED GRANULATOR (เครื่องทำแกรนูลความเร็วสูง)

    3. FLUID BED GRANULATOR (แบบฟลูอิดเบด)

    4. DRY GRANULATOR

  • ใช้ในหลายอุตสาหกรรม: อาหาร, ยา, เคมี, พลาสติก ฯลฯ

  • ขึ้นอยู่กับชนิดผลิตภัณฑ์ว่าควรใช้แบบใด

เครื่องแร่งแกรนูลแบบแกว่ง (SWING GRANULATOR) คืออะไร

เครื่องแร่งแกรนูลแบบแกว่ง (SWING GRANULATOR) เป็นเครื่องจักรในกลุ่ม GRANULATOR ที่ออกแบบมาเพื่อแปรรูปผงละเอียดให้กลายเป็นเม็ดแกรนูลที่มีขนาดใกล้เคียงกัน โดยอาศัยการแกว่งของใบมีดดันวัตถุดิบผ่านตะแกรง (SCREEN OR SIEVE) เพื่อให้ได้เม็ดขนาดสม่ำเสมอ เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมยา อาหารเสริม เครื่องสำอาง และเคมีภัณฑ์

หลักการของเครื่อง

หลักการทำงานของ SWING GRANULATOR คือการใช้ใบมีดที่เคลื่อนที่แบบแกว่ง (OSCILLATING BLADES) ผลักวัตถุดิบที่มีความชื้นหรือผสมแล้ว ผ่านตะแกรงที่กำหนดขนาดรู (SIEVE MESH) จนได้เม็ดแกรนูลที่สม่ำเสมอ ทั้งนี้สามารถใช้กับวัตถุดิบเปียกหรือแห้งก็ได้

องค์ประกอบของเครื่อง

  • FEED HOPPER: ช่องใส่วัตถุดิบ

  • OSCILLATING BLADES: ใบมีดแกว่งสำหรับบีบอัดและผลักวัตถุดิบ

  • SCREEN/SIEVE: ตะแกรงกรองขนาดเม็ดแกรนูล

  • DRIVE MOTOR: มอเตอร์ขับเคลื่อน

  • FRAME & HOUSING: โครงสร้างเครื่องทำจาก STAINLESS STEEL เพื่อความปลอดภัยและทนต่อการกัดกร่อน

  • DISCHARGE CHUTE: ช่องปล่อยเม็ดแกรนูล

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากเครื่องนี้

  • ยาเม็ดและแคปซูล

  • เม็ดวิตามิน

  • ผงอาหารเสริมแบบชง

  • ผลิตภัณฑ์สมุนไพร

  • เม็ดดูดกลิ่น หรือเม็ดน้ำหอม

ราคาโดยประมาณของเครื่อง

ราคาของ SWING GRANULATOR จะแตกต่างกันตามขนาด ความจุ และวัสดุ โดยทั่วไป

  • ขนาดเล็ก: เริ่มต้นที่ประมาณ 60,000 – 100,000 บาท

  • ขนาดกลาง–อุตสาหกรรม: ประมาณ 150,000 – 300,000 บาท

  • รุ่นสั่งผลิตพิเศษหรืออัตโนมัติ: อาจเกิน 500,000 บาท

ข้อดีข้อเสียของเครื่อง

ข้อดี

  • เม็ดแกรนูลที่ได้มีขนาดใกล้เคียงกัน

  • ใช้งานง่าย ทำความสะอาดสะดวก

  • ใช้ได้ทั้งวัตถุดิบเปียกและแห้ง

  • โครงสร้างแข็งแรง ทนทาน

ข้อเสีย

  • ไม่เหมาะกับวัตถุดิบที่มีความหนืดสูงหรือเหนียวเกินไป

  • ขนาดเม็ดจำกัดตามขนาดรูตะแกรง

  • ไม่สามารถควบคุมความชื้นในตัวเครื่องได้ (ต้องเตรียมวัตถุดิบให้เหมาะสมล่วงหน้า)

วิธีการเลือกเครื่อง

  • พิจารณาประเภทของวัตถุดิบที่ใช้ (เปียก/แห้ง)

  • ขนาดเม็ดที่ต้องการ

  • ปริมาณการผลิตต่อวัน

  • งบประมาณและพื้นที่วางเครื่อง

  • วัสดุเครื่อง เช่น STAINLESS STEEL 304 สำหรับงานอาหาร/ยา

  • ผู้จัดจำหน่ายที่มีบริการหลังการขาย

วัตถุดิบที่ใช้กับเครื่อง

  • ผงสมุนไพรบด

  • ผงแป้งอาหาร

  • ผงยา

  • วัตถุดิบที่ผ่านการผสมหรือคลุกเคล้าความชื้นแล้ว

  • ผงแห้งที่ต้องการทำให้จับตัวเป็นเม็ด

ประวัติความเป็นมาของเทคโนโลยี เครื่องแร่งแกรนูลแบบแกว่ง (SWING GRANULATOR)

เทคโนโลยี SWING GRANULATOR มีต้นกำเนิดจากกระบวนการผลิตยาในอุตสาหกรรมเภสัชกรรมในยุโรปช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดยมีเป้าหมายเพื่อแปรรูปผงยาให้กลายเป็นเม็ดแกรนูลก่อนการอัดเม็ดหรือบรรจุลงแคปซูล ซึ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำในการควบคุมขนาดโดสของยาและทำให้การดูดซึมของร่างกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น

จุดเริ่มต้นของการทำแกรนูล

ในอดีต กระบวนการทำแกรนูลใช้แรงคนในการกดและกรองผงผ่านตะแกรง แต่มีข้อจำกัดด้านปริมาณและความสม่ำเสมอของเม็ดแกรนูล จึงเกิดการคิดค้น “เครื่องทำแกรนูลแบบแกว่ง” ซึ่งใช้ระบบใบมีดแบบ OSCILLATING หรือ “แบบสวิง” เพื่อดันวัตถุดิบให้ผ่านตะแกรงได้อย่างต่อเนื่องและควบคุมขนาดเม็ดได้ดีขึ้น

การพัฒนาในยุโรปและญี่ปุ่น

ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อุตสาหกรรมยาของยุโรป โดยเฉพาะในเยอรมนีและสวิตเซอร์แลนด์ ได้พัฒนาเครื่องจักรชนิดนี้ให้มีขนาดกะทัดรัดขึ้น ใช้งานง่ายและปลอดภัยมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ประเทศญี่ปุ่นก็นำเข้าเทคโนโลยีนี้และดัดแปลงให้เหมาะกับการผลิตสมุนไพรและยาแผนโบราณ เช่น โกโบ และชิโซะ

การใช้งานในอุตสาหกรรมอื่น

เมื่อเห็นถึงศักยภาพของเครื่อง SWING GRANULATOR จึงเริ่มมีการนำไปประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารเสริม อาหารสัตว์ เครื่องสำอาง และเคมีภัณฑ์ เช่น การผลิตวิตามินชนิดเม็ด หรือเม็ดดูดกลิ่น โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย

การพัฒนาในปัจจุบัน

ปัจจุบันเทคโนโลยี SWING GRANULATOR ถูกพัฒนาควบคู่กับระบบควบคุมอัตโนมัติ เช่น PLC หรือ HMI ทำให้สามารถตั้งค่าการทำงานได้อย่างแม่นยำ ใช้งานร่วมกับไลน์การผลิตแบบ CONTINUOUS PRODUCTION LINE ได้ อีกทั้งยังมีการใช้วัสดุ STAINLESS STEEL FOOD GRADE เพื่อรองรับมาตรฐาน GMP, HACCP และ HALAL ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับอาหารและยา

แหล่งอ้างอิง

  1. EUROPEAN JOURNAL OF PHARMACEUTICS AND BIOPHARMACEUTICS, 1987–2005
  2. THE PHARMACEUTICAL ENGINEERING JOURNAL (ISPE), USA
  3. JAPAN SOCIETY OF PHARMACEUTICAL MACHINERY AND ENGINEERING (JSPME)
  4. บทความวิชาการจาก THAI FDA และองค์การเภสัชกรรม