เป็นระบบท่อไล่อากาศที่ติดตั้งบริเวณเครื่องซีลกระป๋อง เพื่อช่วยในกระบวนการหลอมปิดปากกระป๋องอาหาร โดยท่อนี้จะช่วยในการนำอากาศร้อนและความชื้นออกจากกระป๋องในขณะที่กระป๋องถูกปิดและประทุน ซึ่งมีผลในการลดความร้อนภายในกระป๋องเพื่อป้องกันการสกัดซึมและช่วยให้กระบวนการปิดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ยังช่วยลดกลิ่นอาหารที่ส่งออกมาจากกระป๋องในขณะปิดปาก ทำให้สภาพแวดล้อมในบริเวณการทำงานมีความสะอาดและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

รางไล่อากาศสำหรับอาหารกระป๋องคืออะไร

รางไล่อากาศสำหรับอาหารกระป๋องเป็นระบบที่ใช้ในกระบวนการปิดผนึกกระป๋องอาหาร ซึ่งติดตั้งอยู่ใกล้กับเครื่องซีลกระป๋อง ทำหน้าที่ในการระบายอากาศร้อนและความชื้นออกจากกระป๋องขณะที่กำลังปิดผนึกปากกระป๋อง ช่วยให้การซีลปิดปากกระป๋องมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการลดปริมาณอากาศและความชื้นภายใน ซึ่งอาจทำให้กระป๋องบวมและเสียหายได้

 

หลักการของรางไล่อากาศสำหรับอาหารกระป๋อง

รางไล่อากาศทำงานโดยใช้ท่อหรือระบบที่เชื่อมต่อกับเครื่องซีล เพื่อระบายอากาศภายในกระป๋องที่กำลังถูกปิดออกมา โดยอากาศร้อนและความชื้นจะถูกดึงออกอย่างรวดเร็ว ซึ่งช่วยลดความร้อนภายในกระป๋อง ช่วยให้การปิดผนึกสมบูรณ์และลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนจากอากาศที่ถูกขังอยู่ภายใน

 

องค์ประกอบของรางไล่อากาศสำหรับอาหารกระป๋อง

  1. ระบบท่อระบายอากาศ: ทำหน้าที่ดึงเอาอากาศร้อนและความชื้นออกจากกระป๋อง
  2. เครื่องซีลกระป๋อง: ระบบนี้จะเชื่อมต่อกับเครื่องซีล เพื่อทำงานร่วมกันในการปิดปากกระป๋อง
  3. ระบบควบคุมอุณหภูมิและความดัน: ช่วยปรับการระบายอากาศให้เหมาะสมตามการผลิต
  4. ตัวกรองอากาศ: ช่วยป้องกันการปล่อยอากาศที่ปนเปื้อนออกสู่สภาพแวดล้อม

 

ตัวอย่างการใช้งานของรางไล่อากาศสำหรับอาหารกระป๋อง

รางไล่อากาศมักใช้ในอุตสาหกรรมผลิตอาหารกระป๋อง เช่น:

  • กระป๋องผักหรือผลไม้
  • กระป๋องอาหารทะเล
  • กระป๋องเครื่องดื่ม

 

ราคาโดยประมาณของรางไล่อากาศสำหรับอาหารกระป๋อง

ราคาของระบบรางไล่อากาศนี้ขึ้นอยู่กับขนาดและฟังก์ชันการทำงาน โดยทั่วไปอาจอยู่ในช่วง 50,000 ถึง 500,000 บาท หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติที่ผู้ผลิตเลือกใช้

 

ข้อดีและข้อเสียของรางไล่อากาศสำหรับอาหารกระป๋อง

ข้อดี:

  • ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการซีลปิดกระป๋อง
  • ลดปัญหาการบวมของกระป๋องจากการอัดอากาศ
  • เพิ่มความสะอาดและปลอดภัยในการผลิต

ข้อเสีย:

  • ระบบอาจต้องการการบำรุงรักษาเป็นประจำ
  • ต้นทุนการติดตั้งอาจสูงสำหรับโรงงานขนาดเล็ก

 

วิธีการเลือกรางไล่อากาศสำหรับอาหารกระป๋อง

การเลือกระบบรางไล่อากาศที่เหมาะสมควรพิจารณาจาก:

  1. ขนาดและปริมาณการผลิต: เลือกขนาดที่รองรับกระป๋องจำนวนมากได้
  2. ประสิทธิภาพการระบายอากาศ: ตรวจสอบระบบควบคุมอุณหภูมิและความดัน
  3. บริการหลังการขาย: ควรเลือกระบบที่มาพร้อมการรับประกันและการบริการที่ดี

 

ประวัติความเป็นมาของรางไล่อากาศสำหรับอาหารกระป๋อง 

ระบบรางไล่อากาศสำหรับการผลิตอาหารกระป๋องมีต้นกำเนิดมาจากความต้องการในการยืดอายุการเก็บรักษาอาหาร การบรรจุอาหารในกระป๋องเพื่อเก็บรักษาในระยะยาวถูกคิดค้นขึ้นตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 18 โดย Nicolas Appert นักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกกระบวนการถนอมอาหารโดยการนำอาหารไปบรรจุในขวดแก้วแล้วปิดฝา ก่อนนำไปต้มในน้ำร้อนเพื่อฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่ทำให้อาหารเสีย วิธีการนี้ช่วยเก็บรักษาอาหารได้ดีแต่ยังคงมีปัญหาในเรื่องการควบคุมอากาศที่เหลืออยู่ในขวดหรือภาชนะ

ต่อมาในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 Bryan Donkin นักอุตสาหกรรมชาวอังกฤษ ได้พัฒนากระบวนการบรรจุอาหารในกระป๋องโลหะซึ่งเป็นต้นกำเนิดของกระป๋องอาหารที่เราเห็นในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม การปิดผนึกกระป๋องยังคงมีปัญหาด้านอากาศที่ตกค้างอยู่ในกระป๋อง ซึ่งอาจทำให้อาหารเสื่อมสภาพและบวมเมื่อเวลาผ่านไป การจัดการกับปัญหานี้ทำให้เกิดความคิดในการออกแบบระบบไล่อากาศที่ดียิ่งขึ้น

ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เมื่อเทคโนโลยีการผลิตอาหารกระป๋องเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว อุตสาหกรรมอาหารต้องการเครื่องมือที่สามารถช่วยในการควบคุมความดันและอากาศในกระป๋องได้อย่างมีประสิทธิภาพ การออกแบบระบบรางไล่อากาศจึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในการผลิตอาหารกระป๋องในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ระบบนี้ช่วยให้การปิดผนึกกระป๋องเป็นไปอย่างราบรื่น ลดปริมาณอากาศที่ถูกขังอยู่ในกระป๋อง และช่วยคงคุณภาพของอาหารที่บรรจุภายใน

การพัฒนาเทคโนโลยีนี้ก้าวหน้าไปตามการเติบโตของอุตสาหกรรมการผลิตอาหาร โดยมีการปรับปรุงประสิทธิภาพและการควบคุมความดัน รวมถึงการใช้วัสดุที่ทนทานมากขึ้นเพื่อรองรับการผลิตที่ต้องการความเร็วและความปลอดภัยในระดับสูง

ปัจจุบัน รางไล่อากาศสำหรับอาหารกระป๋องได้กลายเป็นส่วนสำคัญในสายการผลิตอาหารกระป๋องทั่วโลก โดยการควบคุมการระบายอากาศในกระป๋องมีบทบาทสำคัญในการช่วยรักษาคุณภาพของอาหารภายในกระป๋องให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด นอกจากนี้ยังช่วยลดปัญหาการบวมของกระป๋องและการเสื่อมสภาพของอาหารที่อาจเกิดจากอากาศที่ถูกกักเก็บในกระป๋อง