ชุดพาสเจอร์ไรซ์ 3 ขั้น (PASTEURIZATION PROCESS 3-STEP SET) เป็นระบบการพาสเจอร์ไรซ์ที่มีการประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและคงคุณภาพ

ชุดพาสเจอร์ไรซ์ 3 ขั้น (PASTEURIZATION PROCESS 3-STEP SET) คืออะไร

ชุดพาสเจอร์ไรซ์ 3 ขั้นเป็นระบบที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในกระบวนการพาสเจอร์ไรซ์ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม การพาสเจอร์ไรซ์เป็นกระบวนการทำลายเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นอันตราย เพื่อให้ผลิตภัณฑ์อาหารปลอดภัยสำหรับการบริโภค โดยไม่ทำให้คุณค่าทางอาหารและรสชาติเปลี่ยนแปลงมากนัก ชุดพาสเจอร์ไรซ์ 3 ขั้นนี้ประกอบด้วยกระบวนการทำความร้อน การควบคุมอุณหภูมิ และการระบายออก

 

หลักการของเครื่องชุดพาสเจอร์ไรซ์ 3 ขั้น

หลักการทำงานของชุดพาสเจอร์ไรซ์ 3 ขั้นคือการทำลายจุลินทรีย์ที่อาจเป็นอันตรายด้วยการใช้ความร้อน การควบคุมอุณหภูมิในระดับที่เหมาะสมและการระบายออกอย่างรวดเร็ว โดยความร้อนจะถูกนำมาใช้ในการฆ่าเชื้อโรค จากนั้นควบคุมอุณหภูมิให้คงที่เพื่อให้กระบวนการพาสเจอร์ไรซ์เสร็จสิ้น และสุดท้ายระบายออกเพื่อลดอุณหภูมิของผลิตภัณฑ์อย่างรวดเร็ว

 

องค์ประกอบของเครื่องชุดพาสเจอร์ไรซ์ 3 ขั้น

  1. หน่วยทำความร้อน: ใช้ในการให้ความร้อนแก่ผลิตภัณฑ์เพื่อทำลายเชื้อจุลินทรีย์
  2. ระบบควบคุมอุณหภูมิ: มีหน้าที่รักษาอุณหภูมิในระดับที่เหมาะสม
  3. ระบบระบายความร้อน: ลดอุณหภูมิของผลิตภัณฑ์อย่างรวดเร็วหลังการพาสเจอร์ไรซ์
  4. ท่อหมุนเวียนความร้อน: ทำหน้าที่หมุนเวียนของเหลวในระหว่างกระบวนการเพื่อให้ความร้อนทั่วถึง
  5. แผงควบคุม: ควบคุมและปรับแต่งการทำงานของระบบในแต่ละขั้นตอน

 

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากชุดพาสเจอร์ไรซ์ 3 ขั้น

ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการพาสเจอร์ไรซ์ด้วยระบบนี้ เช่น:

  • นม: ผลิตภัณฑ์นมที่ผ่านการพาสเจอร์ไรซ์เพื่อทำลายเชื้อจุลินทรีย์
  • น้ำผลไม้: น้ำผลไม้สดที่ผ่านกระบวนการพาสเจอร์ไรซ์เพื่อคงคุณภาพและอายุการเก็บรักษา
  • เครื่องดื่มบรรจุขวด: เครื่องดื่มหลากหลายชนิดที่ต้องการความปลอดภัยทางด้านสุขอนามัย

 

ราคาโดยประมาณของเครื่องชุดพาสเจอร์ไรซ์ 3 ขั้น

ราคาเครื่องพาสเจอร์ไรซ์ 3 ขั้นสามารถอยู่ในช่วงตั้งแต่ 500,000 ถึง 2,500,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาด ความสามารถในการผลิต และวัสดุที่ใช้

 

ข้อดีข้อเสียของเครื่องชุดพาสเจอร์ไรซ์ 3 ขั้น

ข้อดี:

  • ประสิทธิภาพสูง: สามารถทำงานต่อเนื่องได้ และใช้เวลาในการพาสเจอร์ไรซ์น้อย
  • ควบคุมง่าย: ระบบควบคุมอัตโนมัติที่ง่ายต่อการใช้งาน
  • รักษาคุณภาพผลิตภัณฑ์: กระบวนการที่ช่วยรักษาคุณภาพและคุณค่าทางอาหาร

ข้อเสีย:

  • ต้นทุนสูง: ราคาซื้อและการบำรุงรักษาเครื่องสูง
  • ต้องการพื้นที่มาก: เครื่องพาสเจอร์ไรซ์มักมีขนาดใหญ่

 

วิธีการเลือกเครื่องชุดพาสเจอร์ไรซ์ 3 ขั้น

การเลือกเครื่องพาสเจอร์ไรซ์ขึ้นอยู่กับความต้องการการผลิต เช่น ความจุของเครื่อง วัสดุที่ใช้ในเครื่อง และระบบควบคุมที่เหมาะสม ควรเลือกเครื่องที่เหมาะกับปริมาณการผลิตและประเภทของผลิตภัณฑ์

 

วัตถุดิบที่ใช้กับเครื่องชุดพาสเจอร์ไรซ์ 3 ขั้น

วัตถุดิบที่สามารถใช้กับเครื่องพาสเจอร์ไรซ์ ได้แก่:

  • นม: นมสดหรือนมผงที่ต้องการการพาสเจอร์ไรซ์
  • น้ำผลไม้: เช่น น้ำส้ม น้ำแอปเปิ้ล
  • เครื่องดื่ม: เครื่องดื่มที่ต้องการการยืดอายุการเก็บรักษา

 

ประวัติความเป็นมาของเทคโนโลยีนี้

การพาสเจอร์ไรซ์ถือกำเนิดขึ้นจากผลงานของ หลุยส์ ปาสเตอร์ (LOUIS PASTEUR)นักจุลชีววิทยาและเคมีชาวฝรั่งเศสในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 โดยในปี 1864 ปาสเตอร์ได้ทำการทดลองและค้นพบว่าการใช้ความร้อนกับของเหลว เช่น นมและไวน์ สามารถทำลายเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายและยืดอายุการเก็บรักษาของผลิตภัณฑ์ได้ กระบวนการนี้ถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมผลิตอาหารและเครื่องดื่มเพื่อรับรองความปลอดภัยและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 19

การพัฒนาต่อมาในเทคโนโลยีพาสเจอร์ไรซ์ได้ขยายตัวไปยังอุตสาหกรรมนมและอาหารอื่นๆ ที่มีความจำเป็นต้องรักษาความสะอาดและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคที่เกี่ยวกับอาหาร กระบวนการพาสเจอร์ไรซ์แบบหลายขั้น (เช่น ชุดพาสเจอร์ไรซ์ 3 ขั้น) ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 20 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์และเพิ่มความสะดวกสบายในกระบวนการผลิต

ในปัจจุบัน เทคโนโลยีการพาสเจอร์ไรซ์ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยของผู้บริโภค นอกจากนี้ การพาสเจอร์ไรซ์ยังได้รับการพัฒนาต่อเนื่อง โดยมีการนำเทคโนโลยีขั้นสูงเข้ามาใช้ เช่น การควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติและการลดเวลาการพาสเจอร์ไรซ์ เพื่อรักษาคุณภาพและคุณค่าทางอาหารของผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้น

โดยระบบนี้มีขั้นตอนการทำงานทั้งหมด 3 ขั้นตอน ดังนี้

1. ทำความร้อน (HEATING) ขั้นตอนแรกของชุดพาสเจอร์ไรซ์ 3 ขั้นเป็นการทำความร้อนของวัสดุเพื่อให้มีการฆ่าเชื้อโรคและจุลินทรีย์ที่อาจติดมากับวัสดุ การทำความร้อนที่ใช้ในขั้นตอนนี้มักจะใช้ความร้อนที่สูงพอที่จะฆ่าเชื้อโรคและจุลินทรีย์ โดยมักใช้เวลาและอุณหภูมิที่เหมาะสมตามประเภทของวัสดุที่จะพาสเจอร์ไรซ์ เช่น นม, น้ำผลไม้, หรือเครื่องดื่มอื่นๆ

2. การควบคุมอุณหภูมิ (TEMPERATURE CONTROL) หลังจากทำความร้อนเสร็จสิ้นแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการควบคุมอุณหภูมิเพื่อรักษาความร้อนที่ถูกกำหนดไว้ในขั้นตอนที่แล้ว การควบคุมอุณหภูมิเป็นส่วนสำคัญเพื่อให้สามารถพาสเจอร์ไรซ์ในระดับที่เหมาะสมเพื่อความปลอดภัยและคุณภาพของผลิตภัณฑ์

3. การระบายออก (COOLING) หลังจากการพาสเจอร์ไรซ์เสร็จสิ้นแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายคือการระบายออกของวัสดุ การระบายออกมีหน้าที่ในการลดอุณหภูมิของวัสดุลงในระดับที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการต่อสู้จากความร้อนที่ได้รับและเพื่อรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์

ชุดพาสเจอร์ไรซ์ 3 ขั้นมักนิยมใช้ในการพาสเจอร์ไรซ์วัสดุที่มีความละเอียดสูงเช่น นม, น้ำผลไม้, และเครื่องดื่มอื่นๆ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและมีคุณภาพสูง โดยมักนำมาใช้ในโรงงานผลิตนม, โรงงานผลิตเครื่องดื่ม, หรืออุตสาหกรรมอาหารอื่นๆ ที่มีการผลิตในปริมาณขนาดกลางถึงขนาดใหญ่