เครื่องอบแห้งแบบไมโครเวฟ เป็นเครื่องใช้ในการอบแห้งอาหารหรือวัตถุดิบต่าง ๆ โดยใช้เทคโนโลยีไมโครเวฟ เครื่องอบแห้งแบบนี้มักมีการควบคุมอุณหภูมิและเวลาการอบแห้งอย่างแม่นยำ เพื่อให้ผลลัพธ์การอบแห้งอาหารมีคุณภาพดีและคงทน เครื่องอบแห้งแบบไมโครเวฟมักใช้ในการอบแห้งอาหารสด เช่น ผลไม้, ผัก, เนื้อ, และอื่น ๆ เพื่อเก็บรักษานานขึ้นหรือใช้ในการเตรียมอาหารแบบสำเร็จรูปได้อย่างสะดวก
เครื่องอบแห้งแบบไมโครเวฟ (MICROWAVE DRYER) คืออะไร?
เครื่องอบแห้งแบบไมโครเวฟ เป็นเครื่องใช้ในการอบแห้งอาหารหรือวัตถุดิบต่าง ๆ โดยใช้เทคโนโลยีไมโครเวฟในการสร้างคลื่นพลังงานเพื่อให้ความร้อนจากภายในวัตถุดิบโดยตรง กระบวนการนี้ช่วยให้วัตถุดิบสูญเสียน้ำได้อย่างรวดเร็ว ทำให้อาหารหรือวัตถุดิบแห้งอย่างมีประสิทธิภาพและใช้เวลาน้อยกว่าเครื่องอบแห้งแบบทั่วไป การควบคุมอุณหภูมิและเวลาการอบแห้งเป็นไปอย่างแม่นยำ ทำให้ผลลัพธ์มีคุณภาพดีและคงทน
หลักการทำงานเครื่องอบแห้งแบบไมโครเวฟ
เครื่องอบแห้งแบบไมโครเวฟใช้คลื่นไมโครเวฟในการให้ความร้อนกับวัตถุดิบ โดยการทำงานของไมโครเวฟจะทำให้โมเลกุลของน้ำในวัตถุดิบเกิดการสั่นสะเทือนและสร้างความร้อนจากภายในออกสู่ภายนอก การให้ความร้อนแบบนี้ช่วยให้การอบแห้งเกิดขึ้นรวดเร็วมากขึ้นเมื่อเทียบกับวิธีการอบแห้งทั่วไป เช่น การอบแห้งด้วยลมร้อนหรือแสงอินฟราเรด
องค์ประกอบของเครื่องอบแห้งแบบไมโครเวฟ
- ห้องอบแห้ง (DRYING CHAMBER): เป็นพื้นที่ที่บรรจุวัตถุดิบที่ต้องการอบแห้ง ออกแบบมาเพื่อป้องกันการรั่วไหลของคลื่นไมโครเวฟ
- เครื่องกำเนิดไมโครเวฟ (MICROWAVE GENERATOR): ปล่อยคลื่นไมโครเวฟเพื่อทำให้โมเลกุลของน้ำในวัตถุดิบเกิดการสั่นและสร้างความร้อน
- ระบบระบายความชื้น (DEHUMIDIFICATION SYSTEM): ช่วยระบายความชื้นและไอน้ำที่เกิดขึ้นจากการอบแห้งออกจากห้องอบแห้ง
- ระบบควบคุมอุณหภูมิและเวลา (CONTROL SYSTEM): สามารถตั้งค่าอุณหภูมิและเวลาการทำงานได้อย่างแม่นยำ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์การอบแห้งที่ต้องการ
ตัวอย่างการใช้งานเครื่องอบแห้งแบบไมโครเวฟ
เครื่องอบแห้งแบบไมโครเวฟมีการใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น:
- อุตสาหกรรมอาหาร: ใช้ในการอบแห้งผลไม้ ผัก เนื้อสัตว์ และสมุนไพร เช่น การทำผลไม้แห้ง, สมุนไพรแห้ง ซึ่งช่วยรักษาคุณภาพและรสชาติ
- อุตสาหกรรมยา: ใช้ในการอบแห้งวัตถุดิบสำหรับการผลิตยา เช่น สมุนไพร หรือสารเคมีที่ต้องการให้มีความชื้นต่ำ
- อุตสาหกรรมเคมี: ใช้ในการอบแห้งสารเคมีหรือวัสดุที่ไวต่อความชื้น เช่น ผงเคมี สารประกอบ
ข้อดีและข้อเสียของเครื่องอบแห้งแบบไมโครเวฟ
ข้อดี
- ประหยัดเวลา: การใช้คลื่นไมโครเวฟในการอบแห้งทำให้กระบวนการนี้เสร็จเร็วกว่าเครื่องอบแห้งทั่วไป
- รักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์: ช่วยลดการสูญเสียสารอาหาร สี และรสชาติในกระบวนการอบแห้ง
- ประหยัดพลังงาน: การให้ความร้อนจากภายในช่วยใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
- การควบคุมที่แม่นยำ: สามารถควบคุมอุณหภูมิและเวลาได้อย่างแม่นยำ ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีสม่ำเสมอ
ข้อเสีย
- ค่าใช้จ่ายสูง: ต้นทุนในการติดตั้งและบำรุงรักษาเครื่องอบแห้งแบบไมโครเวฟค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับเครื่องอบแห้งทั่วไป
- ขนาดใหญ่: เครื่องอบแห้งแบบไมโครเวฟที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาจต้องการพื้นที่ในการติดตั้งมาก
- จำกัดวัสดุ: การอบแห้งแบบไมโครเวฟอาจไม่เหมาะกับวัตถุดิบที่มีลักษณะหนาแน่นหรือมีความชื้นต่ำมาก
การเลือกใช้เครื่องอบแห้งแบบไมโครเวฟ
- ประเภทของวัตถุดิบ: วัตถุดิบที่มีความชื้นสูงหรือไวต่อการเสื่อมสภาพจะได้รับประโยชน์จากการอบแห้งด้วยไมโครเวฟ เช่น ผลไม้ เนื้อสัตว์ สมุนไพร
- ขนาดและปริมาณของการผลิต: เครื่องอบแห้งแบบไมโครเวฟเหมาะสำหรับการผลิตในปริมาณมาก ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
- การลงทุน: ควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและบำรุงรักษา รวมถึงความเหมาะสมของพื้นที่
ประวัติของเครื่องอบแห้งแบบไมโครเวฟ
เทคโนโลยีไมโครเวฟมีจุดกำเนิดจากการค้นพบคลื่นไมโครเวฟในปี 1945 โดย PERCY SPENCER วิศวกรของบริษัทRAYTHEON ซึ่งค้นพบโดยบังเอิญเมื่อทำงานเกี่ยวกับเรดาร์แล้วพบว่าช็อกโกแลตในกระเป๋าเสื้อของเขาละลาย ซึ่งเป็นผลมาจากคลื่นไมโครเวฟ ในปี 1947 เขาจึงพัฒนาเตาไมโครเวฟเชิงพาณิชย์เครื่องแรก
สำหรับการนำไมโครเวฟมาใช้ในอุตสาหกรรมการอบแห้ง เริ่มในช่วงปี 1970 โดยมีการทดลองใช้เทคโนโลยีนี้ในอุตสาหกรรมอาหารและยาที่ต้องการกระบวนการอบแห้งที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะการอบแห้งวัตถุดิบที่ไวต่อความร้อน เช่น สมุนไพร ผลไม้ และเนื้อสัตว์
ปัจจุบันเครื่องอบแห้งแบบไมโครเวฟได้รับการพัฒนาต่อยอดด้วยระบบควบคุมอัตโนมัติ ทำให้สามารถปรับอุณหภูมิและเวลาการอบแห้งได้อย่างแม่นยำ และมีความสามารถในการตรวจจับความชื้นในวัตถุดิบ ทำให้เครื่องนี้เป็นที่นิยมใช้อย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมการผลิตอาหารและยา