ถังล้างสมุนไพรเป็นชนิดของอุปกรณ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารโดยเฉพาะในการประมวลผลสมุนไพร ผักใบเขียว และผลผลิตอ่อนโยนอื่น ๆ มันถูกออกแบบมาเพื่อทำความสะอาดและเอาสิ่งสกปรก อุณหภูมิ สารเคมี และสิ่งสกปรกอื่น ๆ ออกจากสมุนไพรและผักสดโดยทำให้เสื่อมเสียอย่างมีประสิทธิภาพ

เครื่องล้างสมุนไพรแบบถังหมุนคืออะไร?

เครื่องล้างสมุนไพรแบบถังหมุนเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในการประมวลผลสมุนไพร ผักใบเขียว และผลผลิตที่บอบบาง ออกแบบมาเพื่อทำความสะอาดและกำจัดสิ่งสกปรก อุณหภูมิ และสารเคมีออกจากวัตถุดิบสดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทำให้สมุนไพรหรือผักเสื่อมคุณภาพ

 

การประยุกต์ใช้งานเครื่องล้างสมุนไพรแบบถังหมุน

เครื่องล้างสมุนไพรแบบถังหมุนถูกใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร โดยเฉพาะในการทำความสะอาดสมุนไพร ผักใบเขียว และผลผลิตที่บอบบาง เพื่อเอาสิ่งสกปรก อุณหภูมิ สารเคมี และสิ่งสกปรกอื่น ๆ ออกจากผลิตภัณฑ์โดยไม่ทำให้คุณภาพของวัตถุดิบลดลง นิยมใช้ในโรงงานผลิตที่ต้องการควบคุมความสะอาดของวัตถุดิบก่อนเข้าสู่กระบวนการผลิตถัดไป เช่น ในอุตสาหกรรมการผลิตสมุนไพรแห้ง ยาแผนโบราณ และอุตสาหกรรมอาหารที่ต้องการความสะอาดสูง

 

ส่วนประกอบเครื่องล้างสมุนไพรแบบถังหมุน

  1. ถังหมุน – ใช้ในการหมุนสมุนไพรหรือผักเพื่อให้ทุกส่วนได้รับการล้างทำความสะอาดอย่างทั่วถึง
  2. ระบบพ่นน้ำ – ทำหน้าที่พ่นน้ำอย่างต่อเนื่องระหว่างการหมุน เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกที่ติดอยู่บนพื้นผิวของวัตถุดิบ
  3. ตัวกรอง – ช่วยในการกรองสิ่งสกปรกหรือเศษวัสดุที่หลุดออกมาจากการล้าง
  4. มอเตอร์หมุน – ทำหน้าที่หมุนถังล้างสมุนไพรอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้การล้างที่มีประสิทธิภาพ
  5. ระบบระบายน้ำ – ใช้ในการระบายน้ำสกปรกออกจากถังหลังจากการล้างเสร็จสิ้น
  6. ตัวควบคุมการทำงาน – ใช้ในการตั้งค่าการทำงาน เช่น ความเร็วในการหมุน และระยะเวลาในการล้าง

 

ราคาโดยประมาณของเครื่องล้างสมุนไพรแบบถังหมุน

ราคาเครื่องล้างสมุนไพรแบบถังหมุนจะขึ้นอยู่กับขนาด, วัสดุ, และฟังก์ชันเสริมต่าง ๆ ที่รวมอยู่ในเครื่องจักร สำหรับเครื่องล้างสมุนไพรแบบถังหมุนที่ใช้ในอุตสาหกรรมขนาดกลาง ราคามักจะอยู่ที่ประมาณ 150,000 – 400,000 บาท ขึ้นอยู่กับรายละเอียดเฉพาะ เช่น:

  1. ขนาดของถังหมุน – เครื่องที่มีถังหมุนขนาดใหญ่สามารถล้างสมุนไพรและผักได้มากขึ้นในแต่ละรอบ
  2. วัสดุของเครื่อง – เครื่องที่ทำจากสแตนเลสจะมีราคาสูงกว่าหากใช้วัสดุที่มีความทนทานน้อยกว่า
  3. ฟังก์ชันเสริม – เช่น ระบบควบคุมอุณหภูมิ, ระบบการกรองน้ำที่ใช้ซ้ำได้, หรือระบบการควบคุมอัตโนมัติ

สำหรับเครื่องที่มีคุณสมบัติที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น ระบบการล้างด้วยน้ำความดันสูงและการควบคุมด้วยโปรแกรมอัตโนมัติ ราคาสามารถสูงถึง 500,000 – 800,000 บาท ขึ้นไป

 

ข้อดีและข้อเสียของเครื่องล้างสมุนไพรแบบถังหมุน

ข้อดี

  • สามารถทำความสะอาดสมุนไพรและผักได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทำให้วัตถุดิบเสียหาย
  • ประหยัดเวลาในการล้างเมื่อเทียบกับการล้างด้วยมือ
  • ลดปริมาณการใช้น้ำและสารเคมีในกระบวนการล้าง

ข้อเสีย

  • อาจไม่เหมาะสำหรับวัตถุดิบที่มีขนาดใหญ่หรือหนักเกินไป เนื่องจากอาจทำให้ถังหมุนทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
  • ต้องการการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากมอเตอร์และระบบพ่นน้ำต้องทำงานตลอดเวลา

 

เกณฑ์ในการเลือกใช้เครื่องล้างสมุนไพรแบบถังหมุน

การเลือกใช้เครื่องล้างสมุนไพรแบบถังหมุนควรพิจารณาจากขนาดของโรงงานและปริมาณการผลิตต่อวัน รวมถึงชนิดของวัตถุดิบที่ต้องการล้าง เครื่องที่มีระบบหมุนและพ่นน้ำที่มีประสิทธิภาพสูงจะช่วยในการทำความสะอาดได้ดี โดยไม่ทำให้วัตถุดิบเสียหาย นอกจากนี้ยังควรพิจารณาวัสดุที่ใช้ในการผลิตเครื่อง เช่น สแตนเลสสตีลเพื่อป้องกันการเกิดสนิม

 

ประวัติของเครื่องล้างสมุนไพรแบบถังหมุน

เครื่องล้างสมุนไพรแบบถังหมุนได้รับการพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการในอุตสาหกรรมอาหารและการเกษตร โดยเฉพาะในกระบวนการทำความสะอาดพืชผักและสมุนไพรที่มีความบอบบาง การล้างสมุนไพรและผักในอดีตทำด้วยมือหรือผ่านกระบวนการล้างด้วยน้ำที่ไม่มีกระบวนการอัตโนมัติ การล้างมือมักไม่สามารถขจัดสิ่งสกปรกออกได้อย่างหมดจดและอาจทำให้พืชหรือสมุนไพรเสียหาย

ในปี 1950 การพัฒนาของเครื่องล้างในอุตสาหกรรมเริ่มต้นขึ้น โดยเริ่มจากการออกแบบเครื่องล้างผักทั่วไป ต่อมาในช่วงปี 1980 ผู้ผลิตเครื่องจักรได้พัฒนาเครื่องล้างสมุนไพรแบบถังหมุนเพื่อล้างพืชผักที่บอบบางมากขึ้น สมุนไพรและพืชบางชนิดที่มีโครงสร้างเปราะบางหรือมีกลิ่นที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เช่น ผักชีฝรั่ง สะระแหน่ และโหระพา เครื่องล้างแบบถังหมุนได้ถูกออกแบบมาให้สามารถล้างด้วยน้ำหมุนเวียนที่ช่วยขจัดสิ่งสกปรกโดยไม่ทำลายสมุนไพร

เครื่องล้างสมุนไพรแบบถังหมุนได้ถูกปรับปรุงต่อมาในปี 1990 โดยมีการเพิ่มระบบกรองน้ำ, ระบบปรับอุณหภูมิ และระบบควบคุมการล้างที่อัตโนมัติ ในช่วงทศวรรษนี้ เครื่องล้างสมุนไพรเริ่มเป็นที่ยอมรับในอุตสาหกรรมอาหาร โดยเฉพาะในยุโรปและเอเชีย เนื่องจากสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและลดเวลาการทำความสะอาด

ปัจจุบัน เครื่องล้างสมุนไพรแบบถังหมุนได้รับความนิยมมากขึ้นในอุตสาหกรรมอาหารและสมุนไพรทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ผลิตที่ต้องการรักษาคุณภาพและความสะอาดของผลิตภัณฑ์พืชผักและสมุนไพร

คุณสมบัติและส่วนประกอบสำคัญของถังล้างสมุนไพรประกอบด้วย

1. โครงสร้างของถัง ถังล้างสมุนไพรประกอบด้วยถังสแตนเลสเซลหรือพลาสติกที่มีรูระบายออกและมีการหมุนเพื่อกระตุ้นสมุนไพรหรือผักภายใน รูระบายอนุญาตให้น้ำและสารล้างไหลผ่านในขณะที่รักษาสมุนไพรภายใน

2. หัวพ่นน้ำ ภายในถังมีหัวพ่นน้ำที่ตั้งอย่างสร้างทรุดเพื่อให้ทำความสะอาดสมุนไพรอย่างละเอียดและทั่วถึง หัวพ่นน้ำเหล่านี้อาจพ่นกระแสน้ำหรือผสมน้ำกับสารล้างเพื่อทำความสะอาดสารสกปรกอย่างมีประสิทธิภาพ

3. การปรับความเร็วและการหมุนได้ ถังล้างสมุนไพรมักมีการปรับความเร็วและการหมุนได้ ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถปรับการทำความสะอาดตามชนิดของผลผลิตที่กำลังทำความสะอาดและระดับของสิ่งสกปรก

4. ระบบลำเลียงภายใน บางถังล้างสมุนไพรมีระบบลำเลียงภายในที่สามารถให้ผลผลิตเข้าไปในถังสำหรับการล้างและเอาออกหลังจากกระบวนการล้างเสร็จสิ้น ระบบลำเลียงนี้ช่วยอัตโนมัติในการทำความสะอาดและให้การทำงานต่อเนื่อง

5. ระบบกรองน้ำ เพื่อประหยัดน้ำและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม บางถังล้างสมุนไพรอาจมีระบบกรองน้ำที่รีไซเคิลและกรองน้ำทำความสะอาดโดยนำสิ่งสกปรกออกเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่

6. ควบคุมความดันน้ำแปรผัน ถังล้างอาจมีการควบคุมความดันน้ำแปรผันซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถปรับความแรงของการพ่นตามความอ่อนโยนของผลผลิตที่กำลังถูกล้างและระดับการทำความสะอาดที่ต้องการ

7. การทำความสะอาดและการบำรุงรักษาง่าย ถังล้างสมุนไพรถูกออกแบบให้สะอาดและบำรุงรักษาได้ง่ายเพื่อให้การทำงานเป็นไปตามเกณฑ์ของสุขภาพ มันอาจมีส่วนผสมที่เปลี่ยนได้และช่องเข้าถึงที่ช่วยในการทำความสะอาดและการตรวจสอบภายใน

8. คุณสมบัติการทำความสะอาด เพื่อป้องกันการปนเปื้อนและให้ความปลอดภัยทางอาหาร บางถังล้างสมุนไพรอาจมีคุณสมบัติการทำความสะอาดเช่น การฆ่าเชื้อแบบ UV หรือระบบฆ่าเชื้อเคมี

โดยรวมแล้ว ถังล้างสมุนไพรเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในโรงงานผลิตอาหาร ซึ่งให้ความสะดวกและมีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดสมุนไพรและผักสดก่อนการประมวลผลหรือบรรจุหีบห่อต่อไป มันช่วยรักษามาตรฐานความปลอดภัยของอาหาร ปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และยืดอายุการเก็บรักษาของผลผลิตอ่อนโยนได้อย่างมีประสิทธิภาพ