เครื่อง HOMOGENIZER MIXER คืออะไร

เครื่อง HOMOGENIZER MIXER หรือ เครื่องผสมสารแบบโฮโมจีนายเซอร์ เป็นเครื่องจักรที่ใช้ในการผสมส่วนผสมที่มีลักษณะเป็นของเหลวหรือสารต่าง ๆ ให้มีความสม่ำเสมอ (HOMOGENEOUS) เพื่อให้ส่วนผสมทั้งหมดมีคุณสมบัติเหมือนกันทั้งชุด ไม่ว่าจะเป็นการลดขนาดอนุภาค การทำให้ส่วนผสมไม่แยกตัว หรือการสร้างความเข้ากันได้ดีขึ้นระหว่างส่วนผสมต่าง ๆ เครื่องนี้มักใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น อาหาร, เครื่องดื่ม, เครื่องสำอาง, ยา, และสารเคมี

หลักการของเครื่อง HOMOGENIZER MIXER

การทำงานของเครื่อง HOMOGENIZER MIXER คือการใช้แรงที่มีความเร็วสูงเพื่อทำให้ของเหลวหรือสารต่าง ๆ ถูกผสมให้มีความสม่ำเสมอโดยการบีบหรือบดสารเหล่านั้นให้อยู่ในรูปอนุภาคที่มีขนาดเล็กและกระจายตัวในของเหลวอย่างทั่วถึง โดยทั่วไปแล้วจะมีการใช้แรงดันสูงหรือแรงหมุนในการทำให้ส่วนผสมมีความละเอียดสูงขึ้นและไม่แยกตัวออกจากกัน


ความต่างระหว่าง HOMOGENIZING MIXER และ HOMO MIXER

HOMOGENIZING MIXER

ทำหน้าที่มากกว่า “การผสม
จุดเด่นคือ “การลดขนาดของอนุภาค/เม็ดไขมัน” ให้กระจายตัวอย่างละเอียดจนเป็นเนื้อเดียวกัน (HOMOGENIZATION)

  • ใช้ แรงเฉือนสูง (HIGH SHEAR) ทำให้เม็ดไขมันหรืออนุภาคขนาดใหญ่ แตกตัวเป็นอนุภาคเล็ก

  • เหมาะกับของเหลวที่ต้องการให้ มีความคงตัว ไม่แยกชั้น เช่น:

    • นม UHT

    • ครีมบำรุงผิว

    • ซอส

    • โลชั่น

  • ผลลัพธ์คือ เนื้อเนียนละเอียด และไม่แยกตัว


HOMO MIXER

มีลักษณะ “ผสม” ของเหลวให้เข้ากัน( MIXING) ไม่ได้ลดขนาดเม็ดหรือทำให้เนื้อเนียนในระดับจุลภาคเท่า HOMOGENIZER

  • ใช้ในการ กระจาย หรือ ละลาย สารให้เข้ากันในระดับทั่วไป

  • ไม่มีแรงเฉือนสูงพอจะทำลายโครงสร้างเม็ดไขมันหรือละอองของเหลวได้ละเอียดมาก

  • เหมาะกับ:

    • ผสมสีในครีม

    • คนสารให้ละลายเข้ากัน

    • ทำเจลหรือสารละลายเบื้องต้น

 


องค์ประกอบของเครื่อง HOMOGENIZER MIXER

เครื่อง HOMOGENIZER MIXER ประกอบด้วยส่วนประกอบหลัก ๆ ดังนี้:

  • มอเตอร์ (MOTOR): ทำหน้าที่ขับเคลื่อนการหมุนของเครื่อง
  • โรเตอร์และสเตเตอร์ (ROTOR AND STATOR): ส่วนที่ทำการบดหรือผสมสารต่าง ๆ ให้เข้ากัน
  • ปั๊ม (PUMP): ใช้ในการจ่ายของเหลวเข้าสู่เครื่องอย่างสม่ำเสมอ
  • ระบบควบคุม (CONTROL SYSTEM): ใช้ในการตั้งค่าความเร็วการผสมและแรงดัน
  • ภาชนะ (CHAMBER): ที่ใช้ในการบรรจุส่วนผสมต่าง ๆ ในระหว่างการผสม

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากเครื่องนี้

เครื่อง HOMOGENIZER MIXER ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์หลายประเภทที่ต้องการการผสมอย่างสม่ำเสมอ เช่น

  • อาหารและเครื่องดื่ม: นม, น้ำผลไม้, ซุป, และน้ำสลัด

  • เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว: ครีม, โลชั่น, และแชมพู

  • ยาหรือสารเคมี: การผลิตยาน้ำ, ยาครีม, หรือสารเคมีที่มีส่วนผสมหลายชนิด

  • น้ำมันและสารประกอบอื่นๆ: ใช้ในอุตสาหกรรมน้ำมันหรือสารสกัดต่าง ๆ

ราคาโดยประมาณของเครื่อง

ราคาของเครื่อง HOMOGENIZER MIXER ขึ้นอยู่กับขนาดและฟังก์ชันการใช้งาน โดยราคาเครื่องขนาดเล็กอาจเริ่มต้นที่ประมาณ 10,000-50,000 บาท ในขณะที่เครื่องขนาดใหญ่ที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาจมีราคาตั้งแต่ 100,000 บาทขึ้นไปหรืออาจสูงถึงหลักล้านบาท ขึ้นอยู่กับการออกแบบและคุณสมบัติเฉพาะที่ต้องการ

ข้อดีข้อเสียของเครื่อง

ข้อดี:

  • การผสมที่มีประสิทธิภาพ: ทำให้ส่วนผสมมีความสม่ำเสมอและละเอียดสูง

  • การเพิ่มคุณภาพผลิตภัณฑ์: ช่วยให้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มีคุณภาพดียิ่งขึ้น, ไม่มีการแยกชั้นหรือเกาะตัว

  • ประสิทธิภาพสูง: สามารถทำการผสมได้ในปริมาณมากและรวดเร็ว

ข้อเสีย:

  • ค่าใช้จ่ายสูง: โดยเฉพาะเครื่องที่มีขนาดใหญ่และฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย

  • ต้องการการบำรุงรักษา: เครื่องนี้อาจต้องการการดูแลและบำรุงรักษาที่ดีเพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • เสียงดัง: เนื่องจากการทำงานของมอเตอร์และระบบหมุนอาจทำให้เกิดเสียงดัง

วิธีการเลือกเครื่อง

ในการเลือกเครื่อง HOMOGENIZER MIXER ควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้:

  • ขนาดของเครื่อง: เลือกขนาดที่เหมาะสมกับปริมาณการผลิตที่ต้องการ

  • ประเภทของผลิตภัณฑ์: เครื่องบางประเภทเหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะเป็นของเหลว, ข้น หรือผสมสารแขวนลอย

  • การควบคุมความเร็ว: ควรเลือกเครื่องที่สามารถควบคุมความเร็วในการผสมได้ตามต้องการ

  • ความทนทานและการบำรุงรักษา: เครื่องควรทนทานและง่ายต่อการบำรุงรักษา

  • ราคา: ต้องคำนึงถึงงบประมาณที่สามารถลงทุนได้

วัตถุดิบที่ใช้กับเครื่อง

เครื่อง HOMOGENIZER MIXER สามารถใช้ผสมวัสดุได้หลากหลายชนิด เช่น

  • ของเหลว: น้ำ, นม, น้ำผลไม้, ซุป

  • ของแข็งที่ละลายในของเหลว: ผงแป้ง, ผงอาหารเสริม

  • สารเคมี: สารเคมีในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น สารละลาย

  • เครื่องสำอาง: ครีม, โลชั่น, หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว

ประวัติความเป็นมาของเทคโนโลยี HOMOGENIZER MIXER

เครื่อง HOMOGENIZER MIXER เริ่มต้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดยมีการพัฒนาเครื่องจักรที่ใช้ในการทำให้สารต่าง ๆ ผสมกันได้ดีขึ้น โดยเริ่มจากการใช้แรงบีบหรือหมุนเพื่อให้อนุภาคของสารต่าง ๆ รวมตัวกันอย่างสม่ำเสมอในช่วงแรก ๆ ต่อมามีการพัฒนาระบบที่สามารถควบคุมความเร็วและแรงดันที่ใช้ในการผสมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดตามความต้องการในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย

เทคโนโลยีการทำให้ส่วนผสมมีความสม่ำเสมอ (HOMOGENIZATION) เริ่มมีการพัฒนาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 โดยมีแรงจูงใจจากความต้องการ ยืดอายุการเก็บรักษา และ ปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมนม

จุดเริ่มต้น: อุตสาหกรรมนม (DAIRY INDUSTRY)

  • ปี ค.ศ. 1899  AUGUSTE GAULIN นักประดิษฐ์ชาวฝรั่งเศส ได้จดสิทธิบัตรเครื่อง HOMOGENIZER เครื่องแรกของโลก ซึ่งใช้หลักการ บังคับของเหลวผ่านช่องเปิดขนาดเล็กภายใต้แรงดันสูง เพื่อแตกอนุภาคไขมันในน้ำนมให้มีขนาดเล็กลง และไม่แยกชั้นระหว่างไขมันกับของเหลว
  • ในเวลาต่อมา GAULIN ได้ร่วมมือกับบริษัทที่ชื่อว่า GAULIN HOMOGENIZER COMPANY ซึ่งต่อมาเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเครื่อง HOMOGENIZER รายใหญ่ของโลก

การพัฒนาเทคโนโลยีต่อเนื่อง

  • ช่วงทศวรรษ 1920–1940 เครื่อง HOMOGENIZER ถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น อาหาร เครื่องดื่ม และเภสัชกรรม

  • หลังสงครามโลกครั้งที่สอง มีการพัฒนาเครื่องรุ่นใหม่ที่เน้นความปลอดภัย ความแม่นยำ และการประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น

  • ทศวรรษ 1970–1990 การเข้ามาของระบบอัตโนมัติและเทคโนโลยีควบคุมแบบดิจิทัล ทำให้เครื่อง HOMOGENIZER สามารถควบคุมพารามิเตอร์ต่าง ๆ ได้อย่างละเอียด เช่น ความเร็ว แรงดัน อุณหภูมิ

ปัจจุบัน

  • ปัจจุบันเครื่อง HOMOGENIZER ได้ถูกใช้อย่างแพร่หลายในหลายอุตสาหกรรม เช่น

    • อาหารและเครื่องดื่ม (นม, น้ำผลไม้, ซอส)

    • เครื่องสำอาง (ครีม, โลชั่น)

    • ยาและเวชภัณฑ์ (อิมัลชัน, ซัสเพนชัน)

    • เคมีภัณฑ์ (อิมัลซิไฟเออร์, น้ำมันหล่อลื่น)

  • มีหลายรูปแบบให้เลือก เช่น HIGH-PRESSURE HOMOGENIZER, ULTRASONIC HOMOGENIZER, ROTOR-STATOR HOMOGENIZER, และ INLINE HOMOGENIZER เพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย


แหล่งอ้างอิง

  1. Gaulin Homogenizer History: https://www.gaulinhomogenizer.com

  2. “Homogenization of Milk,” Encyclopedia of Dairy Sciences, 2nd Edition – Elsevier

  3. “Principles of Food Processing” – Heldman & Lund

  4. Patent by Auguste Gaulin (1899): https://patents.google.com/patent/US636671A/en