เครื่องปริ้นและไดคัทสติ๊กเกอร์ (PRINTING AND DIE CUTTING STICKERS)

ในยุคที่ การตลาดด้วยสติ๊กเกอร์ ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เครื่องปริ้นและไดคัทสติ๊กเกอร์กลายเป็นอุปกรณ์สำคัญทั้งในระดับธุรกิจขนาดเล็กและอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ PRINTING AND DIE CUTTING STICKER MACHINE แบบเจาะลึกตั้งแต่หลักการทำงานไปจนถึงการเลือกซื้อเครื่องที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ

เครื่องปริ้นและไดคัทสติ๊กเกอร์คืออะไร

PRINTING AND DIE CUTTING STICKERS MACHINE คือเครื่องจักรที่ทำหน้าที่ทั้ง พิมพ์ลวดลายลงบนสติ๊กเกอร์ และ ตัดสติ๊กเกอร์ให้ได้รูปร่างตามต้องการ ในขั้นตอนเดียว หรือแยกขั้นตอนตามรุ่นของเครื่อง เหมาะสำหรับงานผลิตฉลากสินค้า โลโก้ สติ๊กเกอร์ตกแต่ง และงานพิมพ์เชิงพาณิชย์อื่น ๆ

หลักการของเครื่อง

เครื่องจะทำงานสองส่วนหลัก:

  • PRINTING SYSTEM: ใช้ระบบ INKJET หรือ LASER PRINTING ในการพิมพ์ลวดลาย

  • DIE CUTTING SYSTEM: ใช้ BLADE CUTTING หรือ LASER CUTTING ในการไดคัทสติ๊กเกอร์ตามรูปทรงที่ออกแบบไว้

การทำงานร่วมกันของทั้งสองระบบทำให้สามารถผลิตสติ๊กเกอร์คุณภาพสูงและตัดได้แม่นยำในเวลาอันสั้น

องค์ประกอบของเครื่อง

  • PRINT HEAD: หัวพิมพ์ (มักเป็น EPSON หรือ HP) ให้ความละเอียดสูง

  • INK SYSTEM: หมึกพิมพ์หลากชนิด เช่น DYE INK, PIGMENT INK, หรือ UV INK

  • CUTTING BLADE / LASER MODULE: อุปกรณ์สำหรับไดคัท

  • CONTROL PANEL: หน้าจอควบคุมการพิมพ์และการตัด

  • ROLL FEEDER / SHEET TRAY: ถาดป้อนวัสดุแบบม้วนหรือแผ่น

  • SOFTWARE: โปรแกรมออกแบบ เช่น ADOBE ILLUSTRATOR หรือ CORELDRAW ใช้เชื่อมต่อกับเครื่อง

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากเครื่องนี้

  • สติ๊กเกอร์ติดสินค้า / ฉลากบรรจุภัณฑ์

  • โลโก้แบรนด์

  • สติ๊กเกอร์ตกแต่งเคส โทรศัพท์ หรือโน้ตบุ๊ก

  • สติ๊กเกอร์งานแฟร์ งานอีเวนต์

  • ป้ายเตือนหรือเครื่องหมายในโรงงาน

ราคาโดยประมาณของเครื่อง

ราคาขึ้นอยู่กับขนาด ฟังก์ชัน และยี่ห้อ:

  • เครื่องพิมพ์และไดคัทรูปเล็กสำหรับงาน DIY: 20,000 – 50,000 บาท

  • เครื่องระดับธุรกิจขนาดกลาง: 60,000 – 150,000 บาท

  • เครื่องอุตสาหกรรมระบบ ROLL TO ROLL: 200,000 – 800,000 บาทขึ้นไป

ข้อดีข้อเสียของเครื่อง

ข้อดี
  • ทำงานได้ 2 ขั้นตอนในเครื่องเดียว

  • ประหยัดเวลาและแรงงาน

  • ความแม่นยำในการตัดสูง

  • สร้างลวดลายได้ตามต้องการ

ข้อเสีย
  • เครื่องคุณภาพสูงมีราคาสูง

  • ต้องบำรุงรักษาหัวพิมพ์และใบมีด

  • เครื่องบางรุ่นใช้กับวัสดุได้จำกัด

วิธีการเลือกเครื่อง

  • พิจารณาจำนวนงานพิมพ์ต่อวัน

  • ตรวจสอบว่าเครื่องรองรับวัสดุที่ใช้งานหรือไม่

  • เลือกระบบการตัดที่เหมาะกับรูปแบบงาน (BLADE หรือ LASER)

  • เช็คความละเอียดของหัวพิมพ์ (DPI)

  • พิจารณาเรื่อง AFTER-SALES SERVICE และการรับประกัน

วัสดุที่ใช้กับเครื่อง

  • แผ่นหรือม้วน STICKER PAPER

  • สติ๊กเกอร์ PVC, PET, PP

  • หมึกพิมพ์ประเภทต่าง ๆ เช่น:

    • DYE INK – สีสดแต่ไม่กันน้ำ

    • PIGMENT INK – ทนแสง ทนน้ำ

    • UV INK – แห้งเร็ว ใช้กับวัสดุพิเศษ

ประวัติความเป็นมาของเทคโนโลยีนี้

เทคโนโลยีการพิมพ์เริ่มต้นตั้งแต่ยุค GUTENBERG PRESS ในศตวรรษที่ 15 แต่การพิมพ์บนวัสดุแบบ STICKER เริ่มแพร่หลายในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 เมื่อระบบ INKJET และ LASER PRINTING พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว

ในยุค 2000s การใช้เครื่อง CUTTING PLOTTER เริ่มเข้ามาสู่ตลาด ทำให้เกิดการรวมตัวของเทคโนโลยี “PRINT & CUT” หรือ PRINTING AND DIE CUTTING STICKERS MACHINE ที่ทำให้สามารถพิมพ์และตัดได้ภายในเครื่องเดียว

ในปัจจุบัน เครื่องเหล่านี้ได้รับความนิยมในธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ โดยเน้นที่ ความรวดเร็ว, ความแม่นยำ, และ การผลิตแบบ CUSTOMIZED เพื่อตอบโจทย์ตลาดยุคใหม่