ตู้แช่เย็น ขนาด 1100 ลิตร (REFRIGERATED CABINET) คืออะไร และเหมาะกับใคร?
ในอุตสาหกรรมอาหาร โรงแรม หรือร้านอาหารขนาดกลางถึงใหญ่ การมีตู้แช่เย็นที่มีความจุสูงถือเป็นสิ่งจำเป็น “ตู้แช่เย็น ขนาด 1100 ลิตร” หรือ REFRIGERATED CABINET 1100 LITERS คือหนึ่งในเครื่องใช้หลักที่ช่วยยืดอายุวัตถุดิบ รักษาความสด และควบคุมอุณหภูมิได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักเครื่องนี้ในทุกแง่มุม
ตู้แช่เย็น คืออะไร
REFRIGERATED CABINET ขนาด 1100 ลิตร คือ “ตู้แช่เย็นแบบตั้งพื้น” ที่มีความจุขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับการจัดเก็บวัตถุดิบที่ต้องควบคุมอุณหภูมิ เช่น เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ หรือวัตถุดิบอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมอาหาร จุดเด่นของรุ่นนี้คือ พื้นที่จัดเก็บกว้าง, แช่เย็นได้ทั่วถึง, และ ควบคุมอุณหภูมิอย่างแม่นยำ
หลักการของเครื่อง
ตู้แช่เย็นขนาด 1100 ลิตรทำงานโดยใช้ระบบ VAPOR COMPRESSION REFRIGERATION SYSTEM ซึ่งประกอบด้วย:
-
COMPRESSOR ทำหน้าที่อัดสารทำความเย็น (REFRIGERANT)
-
CONDENSER ระบายความร้อนออกจากสารทำความเย็น
-
EXPANSION VALVE ควบคุมแรงดันสารทำความเย็น
-
EVAPORATOR ดูดความร้อนจากภายในตู้เพื่อทำให้อากาศเย็นลง
ระบบนี้จะหมุนเวียนสารทำความเย็นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาอุณหภูมิภายในให้คงที่
องค์ประกอบของเครื่อง
-
DOORS: ประตูเปิด-ปิดได้ 2–4 บาน (แล้วแต่รุ่น)
-
SHELVES / RACKS: ชั้นวางของภายใน สามารถปรับระดับได้
-
CONTROL PANEL: แผงควบคุมอุณหภูมิแบบ DIGITAL
-
LED LIGHTING: แสงสว่างภายในตู้
-
CASTER WHEELS: ล้อเลื่อนเพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้าย
-
BODY MATERIAL: ตัวเครื่องทำจาก STAINLESS STEEL หรือ GALVANIZED STEEL แข็งแรง ทนทาน
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่แช่ในเครื่องนี้
-
เนื้อวัว / หมู / ไก่
-
ปลาและอาหารทะเลสด
-
วัตถุดิบเบเกอรี่ เช่น เนย แป้ง นม
-
ผักและผลไม้
-
ซอสและเครื่องปรุงต่าง ๆ
-
เค้กหรือขนมที่ต้องควบคุมอุณหภูมิ
ราคาโดยประมาณของเครื่อง
ราคาตู้แช่เย็นขนาด 1100 ลิตรจะแตกต่างกันตามยี่ห้อ ฟังก์ชัน และวัสดุที่ใช้ โดยทั่วไปมีราคาอยู่ที่:
-
รุ่นพื้นฐาน: ประมาณ 35,000 – 50,000 บาท
-
รุ่นพรีเมียม (INVERTER, DIGITAL DISPLAY, STAINLESS BODY): ประมาณ 60,000 – 90,000 บาท
-
รุ่นพิเศษ (DUAL TEMPERATURE, HYGIENIC DESIGN): เกิน 100,000 บาท
ข้อดีข้อเสียของเครื่อง
ข้อดี
-
จุของได้เยอะ เหมาะกับธุรกิจขนาดกลางและใหญ่
-
ควบคุมอุณหภูมิแม่นยำ
-
วัสดุภายนอกแข็งแรง ทนทาน
-
มีระบบทำความเย็นเร็วและทั่วถึง
ข้อเสีย
-
ขนาดใหญ่ กินพื้นที่
-
ต้องใช้ไฟฟ้าเยอะเมื่อใช้งานต่อเนื่อง
-
ราคาสูงกว่าตู้แช่ทั่วไป
วิธีการเลือกเครื่อง
-
พิจารณาปริมาณวัตถุดิบที่ต้องแช่
-
เลือกเครื่องที่มี TEMPERATURE RANGE เหมาะกับประเภทสินค้า
-
ตรวจสอบความหนาของฉนวน (INSULATION) เพื่อประหยัดพลังงาน
-
เลือกแบรนด์ที่มีบริการหลังการขายและอะไหล่ครบ
-
ตรวจสอบระบบละลายน้ำแข็ง (AUTO DEFROST)
วัตถุดิบที่ใช้กับเครื่อง
-
วัตถุดิบที่ต้องแช่ในอุณหภูมิ 0 ถึง 8 องศาเซลเซียส เช่น:
-
เนื้อสัตว์
-
ผัก ผลไม้
-
นม เนย
-
ซอส อาหารกึ่งสำเร็จรูป
-
-
ไม่เหมาะกับวัตถุดิบที่ต้องแช่แข็ง (ควรใช้ FREEZER แยก)
ประวัติความเป็นมาของเทคโนโลยีนี้ (HISTORY OF REFRIGERATION CABINET)
เทคโนโลยี REFRIGERATION เริ่มต้นในศตวรรษที่ 18 โดยนักประดิษฐ์เริ่มพัฒนาเครื่องทำความเย็นที่ใช้ ICE หรือ SALTPETER (โปแตสเซียมไนเตรต) เพื่อดูดความร้อน
ในปี 1834, JACOB PERKINS ได้จดสิทธิบัตรระบบทำความเย็นเชิงกล (MECHANICAL REFRIGERATION) เป็นครั้งแรก
ต่อมาในปี 1876, CARL VON LINDE ได้พัฒนาเครื่องทำความเย็นเชิงพาณิชย์ที่ใช้สารทำความเย็น (REFRIGERANT) ทำให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้ตู้เย็นแบบสมัยใหม่
ตู้แช่เย็นขนาดใหญ่สำหรับอุตสาหกรรม (COMMERCIAL REFRIGERATED CABINETS) เริ่มแพร่หลายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อรองรับระบบ FOOD SUPPLY CHAIN ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
ในปัจจุบัน เทคโนโลยีได้รับการพัฒนาให้เน้นเรื่อง ENERGY EFFICIENCY, ECO-FRIENDLY REFRIGERANTS, และ DIGITAL TEMPERATURE CONTROL เพื่อให้ตอบโจทย์ยุคใหม่ทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและประสิทธิภาพ
แหล่งอ้างอิง:
- U.S. DEPARTMENT OF ENERGY. (2021). COMMERCIAL REFRIGERATION BASICS.
- CARL VON LINDE FOUNDATION. (2020). HISTORY OF REFRIGERATION.
- PANASONIC COMMERCIAL. (2023). REFRIGERATED CABINETS – PRODUCT SPECIFICATIONS.
- FOODSERVICE EQUIPMENT JOURNAL. (2022). CHOOSING THE RIGHT COMMERCIAL FRIDGE.
- EMERSON CLIMATE TECHNOLOGIES. (2023). REFRIGERATION SYSTEM COMPONENTS OVERVIEW.