by satit.t satit.t

วัตถุดิบที่ไม่เหมาะกับเครื่องสเปรย์ดราย

วัตถุดิบที่ไม่เหมาะกับเครื่องสเปรย์ดราย

1. วัตถุดิบที่ไวต่อความร้อน: สารที่เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติที่อุณหภูมิสูง
2. วัตถุดับที่มีความเหนียวข้น: สารที่มีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดมวลหรือสารตกค้างที่เหนียวติดกับเครื่อง ซึ่งสามารถอุดตันหัวฉีดและส่วนอื่นๆ ของเครื่องสเปรย์ได้
3. วัตถุดิบที่มีฤทธิ์กัดกร่อน: สารที่มีฤทธิ์กัดกร่อนอาจทำให้อุปกรณ์สึกหรอมากเกินไป
4. วัตถุดิบที่ระเบิดได้หรือไวไฟ: ไม่ควรแปรรูปวัตถุดิบที่เสี่ยงต่อการระเบิดหรือไฟไหม้ในเครื่องอบแห้งแบบพ่นฝอยโดยไม่มีมาตรการความปลอดภัยที่เหมาะสม
5. วัตถุดิบที่มีจุดหลอมเหลวสูง: สารที่หลอมละลายที่อุณหภูมิใกล้หรือต่ำกว่าอุณหภูมิการทำให้แห้งของเครื่องพ่นแห้งอาจทำให้เกิดปัญหากับอุปกรณ์ได้
6. วัตถุดิบที่มีความหนืดสูง: สารที่มีความหนืดมากเกินไปอาจทำให้ประสิทธิภาพในการอบแห้งต่ำกว่าที่ควรจะเป็น

ถึงแม้ว่าวัตถุดิบคุณสมบัติดังกล่าวไม่เหมาะกับสเปรย์ดราย แต่หากหาวิธีการจัดการที่เหมาะสมก็พอจะสามารถนำมาแปรรูปด้วยเครื่องสเปรย์ดรายได้ เช่น ของหนืดข้นสามารถเติมของเหลวหรือให้ความร้อนทำให้วัตถุดิบสามารถไหลตัวได้ดีจนนำมาทำผงด้วยสเปรย์ดรายได้

 

 

แหล่งอ้างอิง
Brown, A. (Year). Heat-sensitive materials and their suitability for spray drying machines. Journal of Food Engineering
Johnson, B. C. (Year). Sticky materials and their impact on spray drying equipment. Drying Technology
Patel, S. K. (Year). Abrasive materials and their effects on spray drying machine components. Industrial Engineering Chemistry Research
Lee, W. H. (Year). Explosive and flammable materials: Safety considerations for spray drying processes
Garcia, M. L. (Year). Materials with high melting points: Challenges and solutions in spray drying. Journal of Chemical Engineering

by satit.t satit.t

ขนาดของผงที่ได้จากการแปรรูปด้วยเครื่องสเปรย์ดราย

ขนาดของผงที่ได้จากการแปรรูปด้วยเครื่องสเปรย์ดราย

ขนาดผงที่จะได้จะมีขนาดที่เล็กกว่า 10 µm และส่วนใหญ่จะมีขนาด 5 µm โดยขนาดที่เกิดขึ้นจะมีหลายองค์ประกอบจะที่ส่งผลต่อขนาดที่ได้ เช่นขนาดของหยดน้ำก่อนจะถูกทำแห้ง ทิศทางของลมที่เกิดขึ้น และส่วนใหญ่ขนาดที่เกิดขึ้นจะขึ้นอยู่กับกระบวนการเปลี่ยนของเหลวเป็นละอองฝอย โดยการจัดเรียงองค์ประกอบของหยดน้ำที่ไหลออกมามีองค์ประกอบดังนี้ พลังงานที่ใช้,ชนิดของหัวฉีด และอัตราการไหลของของเหลว โดยการทำแห้งแบบหยดจะเริ่มทันทีหลังเกิดกระบวนการเปลี่ยนของเหลวเป็นละออง และขนาดของผงจะเกิดขึ้นเมื่อความเข้มข้นของของแข็งที่หยดน้ำนั้นถึงจุดวิกฤต

 

แหล่งอ้างอิง

Powder Technology Volume 247, October 2013, Pages 1-7 Fundamental analysis of particle formation in spray drying
Author: panelJoão Vicente , João Pinto , José Menezes , Filipe Gaspar

by satit.t satit.t

แหล่งที่มาของความร้อนของเครื่องสเปรย์ดราย

แหล่งที่มาของความร้อนของเครื่องสเปรย์ดราย

การทำงานของเครื่อง Spray Dryer เริ่มจาก อากาศจะถูกดูดผ่านตัวกรองและผ่านตัวให้ความร้อน จากนั้นจึงเข้าสู่ห้องอบแห้ง จากนั้นของเหลวจะถูกดูดโดยปั๊มผ่านอุปกรณ์ที่ทำให้เกิดละอองฝอยคือ atomizer ภายในห้องอบ เมื่อละอองสัมผัสกับอากาศร้อนจะทำให้เกิดการระเหยของน้ำอย่างรวดเร็ว และจะได้ผงของผลิตภัณฑ์

มีรูปแบบที่ที่ใช้เชื้อเพลิง แก็สLPG หรือ Methane กับ ฮีทเตอร์ไฟฟ้า
ในระบบแก๊สมี 2 แบบคือ Direct ที่ให้ความร้อนโดยตรงและ Indirect ที่แลกเปลี่ยนความร้อนผ่านท่อแลกเปลี่ยนความร้อน Heat exchanger ก่อนที่ความร้อนจะเข้าถังอบแห้ง ในอุตสาหกรรมอาหาร สมุนไพร และยาที่ต้องการความสะอาดสูง มักเลือกใช้แบบ Indirect เนื่องจากแก๊สไม่สัมผัสตัวของวัตถุดิบ ส่วนในอุตสาหกรรมเคมีมักเลือกใช้แบบ Direct ที่ให้ความร้อนโดยตรงเนื่องจากความสะอาดไม่เป็นปัญหาในกระบวนการผลิตโดยตรงนี้

แหล่งอ้างอิง
ตูแวอิสมาแอ ตูแวบีรู.  2549.  Spray Dryer.  (ออนไลน์).  เข้าถึงได้จาก: http://web.yru.ac.th/~ dolah/ notes/403 4605-2-48/PRT-22/PRT_404841010-22.doc.  (22  มิถุนายน 2559).
พิมพ์เพ็ญ  พรเฉลิมพงศ์ และนิธิยา  รัตนาปนนท์.  2550.  การนำไปใช้ของSpray Dryer.  (ออนไลน์).

by satit.t satit.t

การผลิตนมผงด้วยเครื่องสเปรย์ดราย

การผลิตนมผงด้วยเครื่องสเปรย์ดราย

การใช้งานหลักของเครื่องสเปรย์ดรายเออร์คือใช้สำหรับการแปลงสารเหลว เช่น สารละลาย สารแขวนลอย หรืออิมัลชัน เป็นรูปของผงแป้ง นั่นเป็นเพราะกระบวนการทำแห้งที่มีขั้นตอนเดียวที่รวดเร็วและนุ่มนวล

การใช้งานหลักคือการผลิตนมผง โดยทั่วไปแล้ว น้ำนมมีความเปลี่ยนรูปง่ายและมีความยากต่อการเก็บรักษาเป็นเวลานาน เพื่อเพิ่มอายุการเก็บรักษาและเพิ่มความสะดวกในการขนส่ง จึงจำเป็นต้องมีการทำสเปรย์ดรายนมให้กลายเป็นนมผง

การผลิตนมผงด้วยเครื่องสเปรย์ดรายมีขั้นตอนการทำงานที่ประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพ
เริ่มต้นด้วยการเตรียมนมเข้มข้นที่ต้องการแปรรูป เมื่อนมถูกเตรียมไว้ในบัชเกอร์นมแล้ว นมจะถูกพ่นออกมาผ่านหัวฉีดสเปรย์ ที่มีอากาศร้อนไหลผ่านมา เมื่อนมพ่นออกมาแล้ว น้ำหนักของนมที่เป็นของเหลวจะลดลงเนื่องจากการระเหยของน้ำ เหลือเฉพาะส่วนที่เป็นผงของนม ที่จะไปตกตะกอนลงในท่อเก็บผง กระบวนการนี้เรียกว่าการอบแห้งด้วยเครื่องสเปรย์ดราย นมผงที่ได้นี้จะมีคุณภาพสูงและสามารถใช้งานได้ในหลายๆ อุตสาหกรรม

by satit.t satit.t

ส่วนประกอบของเครื่องสเปรย์ดราย

 

Feed System: ระบบจ่ายวัตถุดิบเหลวประกอบด้วยปั๊มหรือเครื่องพ่นฝอยที่จะพ่นวัตถุดิบเหลวหรือลงในห้องอบแห้ง การพ่นเป็นหยดละอองฝอยเล็กๆเพื่อเพิ่มพื้นที่ผิวสำหรับการอบแห้ง

Drying Chamber: ห้องอบแห้งคือที่ที่วัตถุดิบที่พ่นเข้ามามีการสัมผัสกับอากาศร้อน อากาศร้อนจะระเหยความชื้นจากหยดสารทิ้งเหลือเป็นอนุภาคแห้งไว้

Hot Air Supply System: ระบบให้ความร้อนจะให้อากาศร้อนสำหรับการอบแห้ง โดยมักจะมีเครื่องทำความร้อนเพื่อทำให้อากาศร้อนและพัดลมเพื่อวางระบบวงจรอากาศร้อนเข้าห้องอบแห้ง

Air Filter: ฟิลเตอร์อากาศใช้เพื่อให้แน่ใจว่าอากาศที่เข้าห้องอบแห้งสะอาดและไม่มีสิ่งสกปรกที่อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์

Product Collection System: ระบบรวบรวมผลิตภัณฑ์จากห้องอบแห้ง ซึ่งอาจรวมถึงเครื่องกรองหรือถุงกรองเพื่อแยกอนุภาคผงแห้งออกจากอากาศที่ถูกระบายออก

Exhaust System: ระบบระบายออกจากห้องอบแห้งลดอากาศที่มีความชื้นออกไป รวมถึงพัดลมเพื่อสร้างการไหลตัวของอากาศและระบบท่อที่จะพาอากาศระเหยออกไปจากเครื่องอบแห้ง

Control System: ระบบควบคุมความร้อนและการทำงานของเครื่องอบแห้ง รวมถึงอัตราการให้สารอาหาร อุณหภูมิอากาศเข้า และพารามิเตอร์อื่น ๆ เพื่อให้มีเงื่อนไขการอบแห้งที่ดีที่สุด

 

แหล่งอ้างอิง

1. Masters, K. (1972). Spray Drying Handbook. https://books.google.com/books?id=BzFOAAAAMAAJ
2. Encyclopedia of Chemical Processing and Design. (n.d.). https://www.taylorfrancis.com/books/9781351070144
3. Mujumdar, A. S. (Ed.). (1995). Handbook of Industrial Drying. https://doi.org/10.1201/9780203912691

by satit.t satit.t

อาหารเสริมกับการสเปรย์ดราย

herbal-powder

การแปรรูปอาหารเสริมด้วยสเปรย์ดราย

1. การรักษาคุณค่าทางโภชนาการ: การอบแห้งแบบสเปรย์ช่วยในการรักษาคุณค่าทางโภชนาการของสารอาหารที่อ่อนไหวต่อความร้อน เช่น วิตามิน แร่ธาตุ
2. เพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึม: กระบวนการอบแห้งแบบสเปรย์สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมของสารอาหารและสารประกอบที่ออกฤทธิ์ทางชีวภาพโดยการแปลงเป็นรูปแบบที่ง่ายต่อการดูดซึม
3. การยืดอายุการเก็บรักษา: การอบสเปรย์ช่วยในการยืดอายุการเก็บรักษาของอาหารเสริมสุขภาพโดยลดความชื้นและป้องกันการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่ทำให้เน่าเสียได้
4. การละลายดีขึ้น: อาหารเสริมสุขภาพและสารอาหารสำคัญในอาหารมักจะละลายดีขึ้นหลังจากการอบแห้งแบบสเปรย์ ทำให้ง่ายต่อการผสมในผลิตภัณฑ์ เช่น เครื่องดื่มผง
5. การจัดทำสูตรได้สะดวก: การอบแห้งแบบสเปรย์ช่วยในการจัดทำสูตรผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะเฉพาะ
6. การผลิตที่มีประสิทธิภาพ: ในขณะที่การลงทุนเริ่มต้นในเครื่องอบแห้งสามารถมีค่าใช้จ่ายสูง กระบวนการนี้มักประสิทธิภาพและคุ้มค่าต่อค่าใช้จ่ายมากกว่าในระยะยาว

 

แหล่งอ้างอิง

Encyclopedia.com. (n.d.). Spray Drying. Retrieved from https://www.encyclopedia.com/science-and-technology/chemistry/chemistry-general/spray-drying
Dehydration of foods. (1963). Food Engineering. Retrieved from https://books.google.com/books?id=cx0zAQAAMAAJ
Masters, K. (1972). Spray drying handbook. Retrieved from https://books.google.com/books?id=BzFOAAAAMAAJ

by satit.t satit.t

ต้นกำเนิดของเครื่องสเปรย์ดราย

ต้นกําเนิดของเครื่องสเปรย์ดราย

การทําแห้งแบบพ่นฝอยเป็นวิธีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการเปลี่ยนของเหลวเป็นผง เป็นวิธีการที่เกี่ยวข้องกับการทําให้เป็นละอองของอาหารเหลวหรือวัตถุดิบเหลวเปลี่ยนเป็นหยดละอองฝอยซึ่งจะถูกทําให้แห้งเพื่อสร้างผง เครื่องสเปรย์ดรายซึ่งเป็นอุปกรณ์สําคัญที่ใช้ในกระบวนการนี้มีประวัติที่ยาวนานย้อนกลับไปในช่วงต้นศตวรรษที่ 20

การพัฒนาในช่วงเริ่มต้น
แนวคิดของการทําแห้งแบบพ่นฝอยสามารถสืบย้อนไปถึงศตวรรษที่ 19 เมื่อมีการทดลองครั้งแรกกับกระบวนการคล้ายการทําแห้งแบบพ่นฝอย ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีการทำการพ่นฝอยอย่างจริงจังจนกระทั้งถึงช่วง ศตวรรษที่ 20 ที่งานในสาขานี้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างมาก

นักประดิษฐ์นวัตกรรม
หนึ่งในผู้บุกเบิกในการพัฒนาเครื่องสเปรย์ดรายคือซามูเอลเพอร์ซี่ ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เพอร์ซีได้ทําการทดลองกับ “อุปกรณ์บด” เพื่อทําให้นมแห้ง จนกระทั่งปี ค.ศ. 1920 การทําแห้งแบบพ่นฝอยเริ่มถูกนํามาใช้ในเชิงพาณิชย์
ในปี ค.ศ. 1924 เพอร์ซี่พร้อมกับเพื่อนร่วมงานของเขาลอยด์คลัฟได้จดสิทธิบัตรวิธีการพ่นแห้งนม วิธีการของพวกเขาคือการฉีดพ่นนมเข้าไปในห้องอุ่นซึ่งจะทำให้นมเกือบแห้งในทันทีทําให้เกิดผงละเอียด นี่เป็นจุดเริ่มต้นของยุคสมัยใหม่ของการทําแห้งแบบพ่นฝอย

อุตสาหกรรมและความก้าวหน้า
อุตสาหกรรมการทําแห้งแบบพ่นฝอยเริ่มขึ้นในทศวรรษที่ 1930 โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการผลิตภัณฑ์นมผง บริษัทต่างๆ เช่น Dairy Research Laboratories ในสหรัฐอเมริกาและ British Food Manufacturing Industries ในสหราชอาณาจักรซึ่งมีบทบาทสําคัญในการพัฒนาเทคโนโลยี

การใช้งานที่ทันสมัย
ปัจจุบัน การทําแห้งแบบพ่นฝอยถูกนํามาใช้ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย รวมถึงอาหารและเครื่องดื่ม ยา และเคมีภัณฑ์ ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ผง เช่น นมผง กาแฟสําเร็จรูป และรสผง เป็นต้น

บทสรุป
เครื่องทําแห้งแบบพ่นฝอยมีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่าศตวรรษ จากจุดเริ่มต้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ไปจนถึงการใช้งานอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมสมัยใหม่เครื่องทําแห้งแบบพ่นได้รับความก้าวหน้าที่สําคัญทําให้เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สําคัญที่สุดในอุตสาหกรรมการผลิตในปัจจุบัน

 

แหล่งอ้างอิง

• Cook, E.M, and DuMont, H.D. (1991) Process Drying Practice, McGraw-Hill, Inc., ISBN 0-07-012462-0
• Encyclopedia.com. (n.d.). Spray Drying. https://www.encyclopedia.com/science-and-technology/chemistry/chemistry-general/spray-drying
• Keey, R.B., (1992). Drying of Loose and Particulate Materials 1st ed., Taylor & Francis, ISBN 0-89116-878-8
• Dehydration of foods. (1963). Food Engineering.

by satit.t satit.t

ค่ายีลด์ของสเปรย์ดราย

 

ค่ายีลด์คืออัตราส่วนของผลิตภัณฑ์ที่ทำแห้งแบบพ่นฝอยที่เก็บจากไซโคลนต่อของแข็งทั้งหมดในสารละลายที่ป้อนเข้าไปในเครื่องพ่นแห้ง เป็นค่าที่แสดงถึงประสิทธิภาพของการแปรรูป

สเปรย์ดรายที่ดีจะมีค่ายีลด์ที่สูง ของเหลวที่มีน้ำอยู่80% ของแข็ง20% หากสเปรย์ดรายมีค่ายีลด์ 100% ผงแห้งที่ได้จะ 20%

วัตถุดิบราคาสูงมากเท่าไหร่ การสูญเสียจากค่ายีลด์สเปรย์ดรายที่ต่ำยิ่งมีมูลค่าสูง เช่น ถั่งเช่า

หากสูญเสียไปจากการผลิต 1% อาจหมายถึงถั่งเช่ามูลค่า 1ล้านบาทจากกระบวนการผลิต

โดยค่ายีลด์นั้นมีหลายองค์ประกอบที่ส่งผลต่อค่า เช่นรูปแบบของของเหลวก่อนเข้าสเปรย์ อัตราการระเหยของเครื่อง การสะสมความร้อนของผนังของถัง การไหลตัวของผง อุณหภูมิที่ใช้ ความชื้นในอากาศ และอื่นๆ โดยสรุปค่ายีลน์คือประสิทธิภาพในการผลิตผง และยังแสดงเป็นตัววัดความคุ้มค่าในการลงทุน

 

แหล่งอ้างอิง:

1. Masters K. Spray Drying—The Unit Operation Today. Ind. Eng. Chem. 1968;60:53–63. doi: 10.1021/ie50706a008. [CrossRef[]
2. Kieviet F., Van Raaij J., De Moor P., Kerkhof P. Measurement and modelling of the air flow pattern in a pilot-plant spray dryer. Chem. Eng. Res. Des. 1997;75:321–328. doi: 10.1205/026387697523778. [CrossRef[]
3. Chen X., Lake R., Jebson S. Study of milk powder deposition on a large industrial dryer. Food Bioprod. Process. Trans. Inst. Chem. Eng. Part C. 1993;71:180–186. []
4. Chen X.D., Rutherford L., Lloyd R. Preliminary results of milk powder deposition at room temperature on a stainless steel surface mimicking the ceiling of a spray dryer. Food Bioprod. Process. Trans. Inst. Chem. Eng. Part C. 1994;72:170–175. []
5. Ozmen L., Langrish T. An experimental investigation of the wall deposition of milk powder in a pilot-scale spray dryer. Dry. Technol. 2003;21:1253–1272. doi: 10.1081/DRT-120023179. [CrossRef[]
by satit.t satit.t

กรรมวิธีการผลิตกาแฟผงสำเร็จรูป

กรรมวิธีการผลิตกาแฟผงสำเร็จรูปประกอบด้วยขั้นตอนสำคัญดังนี้

1. การคัดคุณภาพและเก็บรักษาเมล็ดกาแฟ (Green Bean Cleaning & Storage)
ก่อนการผลิต เมล็ดกาแฟดิบที่ถูกเก็บไว้ในถังเก็บ ควบคุมความชื้นสัมพัทธ์ และ อุณหภูมิที่ต่ำ ป้องกันการเจริญ
ของเชื้อรา และแมลง เมล็ดกาแฟ จะถูกนำมาแปรรูปเบื้องต้นด้วยขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบ ดังนี้
ทำความสะอาดแบบแห้ง เช่น การใช้ลมเป่า การคัดขนาดด้วยเครื่องคัดขนาด การคัดสีด้วยเครื่องคัดสี
เพื่อให้ได้เฉพาะเมล็ดกาแฟคุณภาพดี เข้าสู่กระบวนการที่ 2 ต่อไป

2 การผสมกาแฟ (Blending)
เป็นขั้นตอนการนำกาแฟพันธุ์ต่างๆ เช่น โรบัสต้า อาราบิกา มาผสม กันตามสูตรเฉพาะ เพื่อให้
ได้กาแฟที่มีรสชาติต้องการในเครื่องผสม

3 การคั่ว (Roasting)การคั่ว เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการผลิตกาแฟ โดยกลิ่นรสสุดท้ายของกาแฟจะขึ้นกับวิธีการคั่ว ตลอดจนสภาวะที่ใช้คั่ว
โดยอุณหภูมิที่เหมาะสมในการคั่วอยู่ที่ประมาณ 200 องศาเซลเซียส

4 การบด (Grinding)
การบดมีลักษณะดังนี้คือ 1) แบบหยาบ 2) แบบหยาบปานกลาง 3) แบบละเอียด 4) แบบละเอียดมาก โดยใช้เครื่องบดมาตรฐาน
เรียกว่า motorized grinders

5 การสกัด (extraction) เพื่อแยกส่วนประกอบที่ละลายน้ำได้ของกาแฟที่ผ่านการคั่วและการบดละเอียดแล้ว โดยใช้น้ำ
เป็นตัวทำละลาย เพื่อให้ได้ของแข็งที่ละลายได้ทั้งหมด ละลายออกมาอยู่ในน้ำ การผลิตกาแฟผงกึ่งสำเร็จรูปนั้น เป็นการสกัดและทำแห้งของแข็งที่ละลายน้ำได้ใน กาแฟและองค์ประกอบของสารให้กลิ่นให้ผง

6. การทำให้เข้มข้น
การทำให้เข้มข้น (concentration) เพื่อแยกน้ำออกจากสารสกัดจากกาแฟให้เข้มข้นขึ้น ก่อนการทำแห้งด้วยเครื่องระเหยข้นแบบฟิล์มบาง
อุตสาหกรรมขนาดใหญ่มักใช้เครื่องระเหยแบบหลายขั้นตอน

7. การแยกสารที่ให้กลิ่นหอม (aroma recovery)
เป็นการถนอมกลิ่นกาแฟไม่ให้สูญเสียไปกับกระบวนการผลิตและให้สภาพของกลิ่นคงความหอมและสดใหม่อยู่เสมอ

8 การปรับค่ามาตรฐาน (standardization)
เป็นการวัดความเข้มข้นของกาแฟให้ได้มาตรฐานตามที่ต้องการ

9. การทำแห้ง (dehydration)
เครื่องทำแห้งแบบพ่นฝอย สเปรย์ดราย (spray drier) เป็นการทำให้น้ำกาแฟเกิดเป็นละอองเล็กขนาดหยดน้ำ (เส้นผ่านศูนย์กลาง
100-200 ไมโครเมตร) ในกระแสลมร้อนที่ไหลในทิศทางเดียวกัน (150-300 องศาเซลเซียส) ในถังทำแห้งขนาดใหญ่
กาแฟแห้งที่ได้จะถูกแยกออกไปโดยการใช้ centrifugal atomizer ส่วนของเหลวจะถูกส่งไปยังภาชนะหมุน เพื่อสร้าง
ขนาดของหยดสารละลายใหม่ในการสเปรย์
การทำแห้งแบบแช่เยือกแข็ง (freeze drying) การทำแห้งแบบแช่เยือกแข็งเป็นการทำแห้งโดยการทำให้ของแข็ง
กลายเป็นไอโดยไม่ละลายหรือเรียกว่า การระเหิด โดยน้ำกาแฟจะผ่านการแช่เยือกแข็ง (freezing) จากนั้นจึงทำการระเหิด
ภายใต้ความดัน

by satit.t satit.t

ความแตกต่างที่เกิดขึ้นระหว่างกาแฟสดกับกาแฟสำเร็จรูป

ความแตกต่างที่เกิดขึ้นระหว่างกาแฟสดกับกาแฟสำเร็จรูป

1.เวลา
กาแฟสด:กาแฟสดนั้นจะมีต้องใช้เวลาในการเตรียมหลายขั้นตอน การคั่ว การบด การชง ทำให้เกิดเวลาที่มากขึ้น
กาแฟสำเร็จรูป:จะมีความง่ายในการชงเพียงแค่เติมน้ำร้อนก็สามารถพร้อมดื่มได้เลย

2.การชง
กาแฟสด:ส่วนกาแฟสดนั้นต้องทำการบดตัวเมล็ดกาแฟ แล้วจึงนำไป นำตัวที่บดที่เกิดแช่ในน้ำ,การซึมผ่านของน้ำผ่านตัวที่บด หรือการใช้น้ำความดันสูงผ่านตัวที่บด
กาแฟสำเร็จรูป:ชงด้วยการเติมน้ำร้อน

3.รสชาติและกลิ่น
กาแฟสด:ส่วนกาแฟสดนั้นจะมีรสาติและกลิ่นที่แตกต่างกันไปตามแต่ระดับของการคั่วกาแฟ โดยจะมี 4 ระดับคั่วอ่อน คั่วกลาง คั่วกลางเข้ม คั่วเข้ม
กาแฟสำเร็จรูป:ส่วนใหญ่ที่ทำกาแฟสำเร็จรูปใช้เป็นเมล็ดโรบาสต้า ซึ่งจะมีรสชาติที่ขม ส่วนการทำแห้งด้วยสเปรย์ดรายหรือแช่แข็งด้วยฟรีสดรายส่งผลให้ต่อกลิ่นด้วยเนื่องจากจะเกิดการศูนย์เสียน้ำมันหอมที่เป็นองค์ประกอบหลักของกลิ่นกาแฟ

4.ปริมาณคาเฟอีน
กาแฟสด:กาแฟจะมีปริมาณคาเฟอีนที่มากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับกาแฟสำเร็จรูป แต่ก็ขึ้นอยู่แบรนด์สินค้าและระดับการคั่ว
กาแฟสำเร็จรูป:ส่วนใหญ่จะใช้เมล็ดโรบาสต้าซึ่งมีปริมาณคาเฟอีนที่มาก และหลังผ่านการแปรรูปจะเหลือ 20-45%

5.อายุการเก็บกาแฟสด:มีอายุในการเก็บรักษาประมาณ 6 เดือน เก็บอยู่ในที่มืด เย็น ไม่มีความชื้น และอยู่ห่างจากอาหารอื่นเพื่อคงคุณภาพกาแฟไว้ จุดสำคัญคือการควบคุมความชื้น เพื่อป้องกันการเปลี่ยนการเปลี่ยนอุณหภูมิเพื่อให้กลิ่นและรสชาตินั้นมีความสมบูรณ์
กาแฟสำเร็จรูป:มีอายุการเก็บ 2-20 ปี ต้องเก็บในถุงปิดสนิท ไว้ที่อุณหภูมิต่ำ ที่มืด สามารถเก็บด้วยไม่ปิดถุงสนิทแต่อาจเกิดการเปลี่ยนของผิวสัมผัสและการเกิดเชื้อรา

 

แหล่งที่มา:
https://www.hotelchocolat.com/uk/blog/coffee/instant-coffee-vs-ground-coffee-how-different-are-they.html
https://luckygoatcoffee.com/blogs/news/types-of-coffee-roasts#:~:text=The%204%20Types%20of%20Coffee,a%20number%20of%20minor%20variations.
https://www.deathwishcoffee.com/blogs/coffee-talk/instant-coffee-vs-ground-coffee#:~:text=Fresh%2Dbrewed%20coffee%20grounds%20are,be%20extracted%20in%20fresh%20coffee.