by satit.t satit.t

กรรมวิธีการผลิตกาแฟผงสำเร็จรูป

กรรมวิธีการผลิตกาแฟผงสำเร็จรูปประกอบด้วยขั้นตอนสำคัญดังนี้

1. การคัดคุณภาพและเก็บรักษาเมล็ดกาแฟ (Green Bean Cleaning & Storage)
ก่อนการผลิต เมล็ดกาแฟดิบที่ถูกเก็บไว้ในถังเก็บ ควบคุมความชื้นสัมพัทธ์ และ อุณหภูมิที่ต่ำ ป้องกันการเจริญ
ของเชื้อรา และแมลง เมล็ดกาแฟ จะถูกนำมาแปรรูปเบื้องต้นด้วยขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบ ดังนี้
ทำความสะอาดแบบแห้ง เช่น การใช้ลมเป่า การคัดขนาดด้วยเครื่องคัดขนาด การคัดสีด้วยเครื่องคัดสี
เพื่อให้ได้เฉพาะเมล็ดกาแฟคุณภาพดี เข้าสู่กระบวนการที่ 2 ต่อไป

2 การผสมกาแฟ (Blending)
เป็นขั้นตอนการนำกาแฟพันธุ์ต่างๆ เช่น โรบัสต้า อาราบิกา มาผสม กันตามสูตรเฉพาะ เพื่อให้
ได้กาแฟที่มีรสชาติต้องการในเครื่องผสม

3 การคั่ว (Roasting)การคั่ว เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการผลิตกาแฟ โดยกลิ่นรสสุดท้ายของกาแฟจะขึ้นกับวิธีการคั่ว ตลอดจนสภาวะที่ใช้คั่ว
โดยอุณหภูมิที่เหมาะสมในการคั่วอยู่ที่ประมาณ 200 องศาเซลเซียส

4 การบด (Grinding)
การบดมีลักษณะดังนี้คือ 1) แบบหยาบ 2) แบบหยาบปานกลาง 3) แบบละเอียด 4) แบบละเอียดมาก โดยใช้เครื่องบดมาตรฐาน
เรียกว่า motorized grinders

5 การสกัด (extraction) เพื่อแยกส่วนประกอบที่ละลายน้ำได้ของกาแฟที่ผ่านการคั่วและการบดละเอียดแล้ว โดยใช้น้ำ
เป็นตัวทำละลาย เพื่อให้ได้ของแข็งที่ละลายได้ทั้งหมด ละลายออกมาอยู่ในน้ำ การผลิตกาแฟผงกึ่งสำเร็จรูปนั้น เป็นการสกัดและทำแห้งของแข็งที่ละลายน้ำได้ใน กาแฟและองค์ประกอบของสารให้กลิ่นให้ผง

6. การทำให้เข้มข้น
การทำให้เข้มข้น (concentration) เพื่อแยกน้ำออกจากสารสกัดจากกาแฟให้เข้มข้นขึ้น ก่อนการทำแห้งด้วยเครื่องระเหยข้นแบบฟิล์มบาง
อุตสาหกรรมขนาดใหญ่มักใช้เครื่องระเหยแบบหลายขั้นตอน

7. การแยกสารที่ให้กลิ่นหอม (aroma recovery)
เป็นการถนอมกลิ่นกาแฟไม่ให้สูญเสียไปกับกระบวนการผลิตและให้สภาพของกลิ่นคงความหอมและสดใหม่อยู่เสมอ

8 การปรับค่ามาตรฐาน (standardization)
เป็นการวัดความเข้มข้นของกาแฟให้ได้มาตรฐานตามที่ต้องการ

9. การทำแห้ง (dehydration)
เครื่องทำแห้งแบบพ่นฝอย สเปรย์ดราย (spray drier) เป็นการทำให้น้ำกาแฟเกิดเป็นละอองเล็กขนาดหยดน้ำ (เส้นผ่านศูนย์กลาง
100-200 ไมโครเมตร) ในกระแสลมร้อนที่ไหลในทิศทางเดียวกัน (150-300 องศาเซลเซียส) ในถังทำแห้งขนาดใหญ่
กาแฟแห้งที่ได้จะถูกแยกออกไปโดยการใช้ centrifugal atomizer ส่วนของเหลวจะถูกส่งไปยังภาชนะหมุน เพื่อสร้าง
ขนาดของหยดสารละลายใหม่ในการสเปรย์
การทำแห้งแบบแช่เยือกแข็ง (freeze drying) การทำแห้งแบบแช่เยือกแข็งเป็นการทำแห้งโดยการทำให้ของแข็ง
กลายเป็นไอโดยไม่ละลายหรือเรียกว่า การระเหิด โดยน้ำกาแฟจะผ่านการแช่เยือกแข็ง (freezing) จากนั้นจึงทำการระเหิด
ภายใต้ความดัน

by satit.t satit.t

ความแตกต่างที่เกิดขึ้นระหว่างกาแฟสดกับกาแฟสำเร็จรูป

ความแตกต่างที่เกิดขึ้นระหว่างกาแฟสดกับกาแฟสำเร็จรูป

1.เวลา
กาแฟสด:กาแฟสดนั้นจะมีต้องใช้เวลาในการเตรียมหลายขั้นตอน การคั่ว การบด การชง ทำให้เกิดเวลาที่มากขึ้น
กาแฟสำเร็จรูป:จะมีความง่ายในการชงเพียงแค่เติมน้ำร้อนก็สามารถพร้อมดื่มได้เลย

2.การชง
กาแฟสด:ส่วนกาแฟสดนั้นต้องทำการบดตัวเมล็ดกาแฟ แล้วจึงนำไป นำตัวที่บดที่เกิดแช่ในน้ำ,การซึมผ่านของน้ำผ่านตัวที่บด หรือการใช้น้ำความดันสูงผ่านตัวที่บด
กาแฟสำเร็จรูป:ชงด้วยการเติมน้ำร้อน

3.รสชาติและกลิ่น
กาแฟสด:ส่วนกาแฟสดนั้นจะมีรสาติและกลิ่นที่แตกต่างกันไปตามแต่ระดับของการคั่วกาแฟ โดยจะมี 4 ระดับคั่วอ่อน คั่วกลาง คั่วกลางเข้ม คั่วเข้ม
กาแฟสำเร็จรูป:ส่วนใหญ่ที่ทำกาแฟสำเร็จรูปใช้เป็นเมล็ดโรบาสต้า ซึ่งจะมีรสชาติที่ขม ส่วนการทำแห้งด้วยสเปรย์ดรายหรือแช่แข็งด้วยฟรีสดรายส่งผลให้ต่อกลิ่นด้วยเนื่องจากจะเกิดการศูนย์เสียน้ำมันหอมที่เป็นองค์ประกอบหลักของกลิ่นกาแฟ

4.ปริมาณคาเฟอีน
กาแฟสด:กาแฟจะมีปริมาณคาเฟอีนที่มากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับกาแฟสำเร็จรูป แต่ก็ขึ้นอยู่แบรนด์สินค้าและระดับการคั่ว
กาแฟสำเร็จรูป:ส่วนใหญ่จะใช้เมล็ดโรบาสต้าซึ่งมีปริมาณคาเฟอีนที่มาก และหลังผ่านการแปรรูปจะเหลือ 20-45%

5.อายุการเก็บกาแฟสด:มีอายุในการเก็บรักษาประมาณ 6 เดือน เก็บอยู่ในที่มืด เย็น ไม่มีความชื้น และอยู่ห่างจากอาหารอื่นเพื่อคงคุณภาพกาแฟไว้ จุดสำคัญคือการควบคุมความชื้น เพื่อป้องกันการเปลี่ยนการเปลี่ยนอุณหภูมิเพื่อให้กลิ่นและรสชาตินั้นมีความสมบูรณ์
กาแฟสำเร็จรูป:มีอายุการเก็บ 2-20 ปี ต้องเก็บในถุงปิดสนิท ไว้ที่อุณหภูมิต่ำ ที่มืด สามารถเก็บด้วยไม่ปิดถุงสนิทแต่อาจเกิดการเปลี่ยนของผิวสัมผัสและการเกิดเชื้อรา

 

แหล่งที่มา:
https://www.hotelchocolat.com/uk/blog/coffee/instant-coffee-vs-ground-coffee-how-different-are-they.html
https://luckygoatcoffee.com/blogs/news/types-of-coffee-roasts#:~:text=The%204%20Types%20of%20Coffee,a%20number%20of%20minor%20variations.
https://www.deathwishcoffee.com/blogs/coffee-talk/instant-coffee-vs-ground-coffee#:~:text=Fresh%2Dbrewed%20coffee%20grounds%20are,be%20extracted%20in%20fresh%20coffee.

by satit.t satit.t

ความแตกต่างของการบดให้เป็นผง กับการทำให้เป็นผงแห้งด้วยการสเปรย์ดราย

ความแตกต่างระหว่างการบดให้เป็นผงแห้งและการทำให้เป็นผงด้วยการสเปรย์ดราย
การผลิตผงแห้งเป็นกระบวนการที่สำคัญในอุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่ยาจีนไปจนถึงอุตสาหกรรมอาหาร วิธีการสองวิธีที่พบบ่อยในการผลิตผงคือการบดผงแห้งและการทำให้เป็นผงด้วยการสเปรย์ดราย ซึ่งแต่ละวิธีมีขั้นตอนและผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ การเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญในการเลือกใช้วิธีการที่เหมาะสมที่สุดสำหรับงานแต่ละชนิด

การบดให้เป็นผง:
การบดเป็นกระบวนการที่ใช้เครื่องมือในการลดขนาดอนุภาคของวัตถุของแข็ง ซึ่งมักใช้ในการผลิตผงจากวัตถุดิบต่างๆ เช่น สมุนไพร เครื่องเทศ และสารเคมี กระบวนการบดมักนำวัตถุดิบมาบดหรือบดละเอียดในเครื่องบดเพื่อให้เป็นอนุภาคขนาดเล็ก
จุดสำคัญของการบดเป็นผง:
• กระบวนการ: วัตถุดิบถูกบดหรือบดให้เป็นอนุภาคเล็ก
• ขนาดอนุภาค: ขนาดอนุภาคของผงที่ได้จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับวิธีการบดและอุปกรณ์ที่ใช้
• พื้นที่ผิว: กระบวนการบดเพิ่มพื้นที่ผิวของวัตถุดิบซึ่งสามารถมีผลต่อการตอบสนองและอัตราการละลายของวัตถุดิบ
• การละลายน้ำ: หากวัตถุดิบมีกากผงที่ได้จะมาพร้อมกับกากของวัตถุดิบนั้นๆ หากนำไปละลายน้ำจะไปไม่รวมกับน้ำเป็นเนื้อเดียวกัน
จำเป็นต้องกรองออก เหมือนการชงชาที่ต้องมีถุงกรองออก
• วัตถุดิบ: วัตถุดิบจำเป็นต้องเป็นของแข็งแห้งเปราะในการบดให้เป็นผง

การทำให้เป็นผงแห้งด้วยการสเปรย์ดราย:
การสเปรย์ดรายเป็นวิธีที่ใช้ในการผลิตผงที่ละเอียดและมีความเรียบเนียน จากสารเหลว ซึ่งเกิดจากการพ่นสารของเหลวลงบนอากาศร้อนเพื่อให้สารแห้งและกลายเป็นผง การสเปรย์ดรายนั้นมักใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร ยา และเคมีเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์แบบผงสำเร็จเช่น ผงนม กาแฟ และสารตั้งต้นของยา
จุดสำคัญของการทำสเปรย์ดราย:
• กระบวนการ: สารเหลวถูกปล่อยไปเป็นหยดเล็กมากๆ และพ่นลงบนอากาศร้อน เมื่อน้ำหายไป จะกลายเป็นอนุภาคของผง
• ขนาดอนุภาค: การสเปรย์ดรายสามารถผลิตผงที่มีการกระจายขนาดอนุภาคเล็กมากๆและขนาดอนุภาคสามารถควบคุมได้
• พื้นที่ผิว: กระบวนการสเปรย์ดรายสามารถผลิตผงที่มีพื้นที่ผิวสูง ซึ่งอาจเป็นไปตามความต้องการของงานบางประเภท
• ความเรียบและความสม่ำเสมอ: การสเปรย์ดรายมักผลิตผงที่มีความเรียบและความสม่ำเสมอในเชิงขนาดอนุภาคและสมบัติ
• การละลายน้ำ : ผงที่ได้จะละลายน้ำเป็นเนื้อเดียวกัน เนื่องจากวัตถุดิบต้องผ่านการสกัดให้ได้ของเหลวออกมาก่อนจะนำมาสเปรย์ดราย
• วัตถุดิบ: วัตถุดิบป้อนเข้าเครื่องสเปรย์ดรายจะต้องของเหลว ไม่มีกากของแข็งชิ้นใหญ่ เพราะของเหลวต้องไหลผ่านหัวฉีดขนาดเล็ก

สรุป:
การบดและการสเปรย์ดรายเป็นวิธีการสำหรับการผลิตผงที่ต่างกันตามงานที่ต้องการ แล้วแต่ความต้องการของลูกค้า หรือสิ่งที่ต้องการผลิต และสารมารถปรับได้ด้วยการปรับแต่งได้ที่ตัวของเครื่องจักร โดยการใช้วิธีการบดแห้งจะมักทำกับวัตถุดิบที่แห้ง แข็งและผงที่ได้จะหยาบไม่สม่ำเสมอแต่ในขณะที่การใช้สเปรย์ดรายจะใช้กับวัตถุดิบที่เป็นของเหลว ต้องการผงที่ได้จากสารสกัดที่ละลายน้ำ ต้องการขนาดผงที่เล็กและผงที่ได้จะมีความสม่ำเสมอ

แหล่งที่มา
1. Verma, D. S., & Joshi, M. S. (2015). Spray drying of fruit and vegetable juices – a review. Journal of Food Engineering
2. Arif, S., & Khan, M. A. (2020). A review on mechanical pretreatment methods for particle size reduction of lignocellulosic biomass. Powder Technology
3. Schmidt, S. J., & Lee, J. D. R. (2016). Spray drying of food ingredients and applications: A review. Drying Technology
4. Alpaslan, J. M., & Doğu, S. H. (2019). Grinding characteristics and hydration properties of coconut residue: A source of dietary fiber. Food Research International
5. Sinha, V., & Singh, S. (2019). Spray drying of pharmaceuticals and biopharmaceuticals: Critical parameters and experimental process optimization approaches. Journal of Pharmaceutical Sciences

by satit.t satit.t

ต้นกำเนิดของเครื่องสเปรย์ดราย

เครื่องสเปรย์ดรายมีต้นกำเนิดมาจากการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตและการแปรรูปวัตถุดิบที่ต้องการให้เป็นรูปแบบของผงหรือเหลวที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ตั้งแต่วัตถุดิบเหลือทิ้งจากการผลิตสินค้าทางการเกษตรและอุตสาหกรรมอื่น ๆ จนไปถึงการใช้งานในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม อุตสาหกรรมเคมี และอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่ต้องการแปรรูปวัตถุดิบให้เป็นรูปแบบอื่น เช่น การผลิตสารเคมี การทำแป้ง และการผลิตยา

การพัฒนาเครื่องสเปรย์ดรายเกิดขึ้นเนื่องจากความต้องการในการแปรรูปวัตถุดิบให้เป็นรูปแบบของผงหรือเหลวอย่างมีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้ โดยเฉพาะในการผลิตอาหารและเครื่องดื่มที่ต้องการความสะอาดและมาตรฐานที่สูงขึ้น การสเปรย์ดรายเป็นเทคนิคที่นำเสนอประสิทธิภาพในการแปรรูปวัตถุดิบให้เป็นรูปแบบผงหรือเหลวได้อย่างมีความคล่องตัว และมีการใช้งานกว้างขวางในอุตสาหกรรมต่าง ๆ

by satit.t satit.t

การผลิตผงซักฟอกด้วยเครื่องสเปรย์ดราย

เรามาดูวิธีการผลิตผงซักฟอกของแบรนด์เปาที่มีประวัติอยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน

การผลิตผงซักฟอก มีขั้นตอนดังนี้

1.การนำผสมส่วนผสมออกมาเป็นของเหลว Slurry

2.นำของเหลวปั๊มผ่านหัวฉีดมาอบในสเปรย์ดรายออกมาเป็นผงซักฟอก

Drying tower หออบหรืออีกชื่อนึง Drying chamber ห้องอบแห้ง แต่ด้วยขนาดที่ใหญ่จึงเรียกเป็นหอ Tower

ของเหลวละอองฝอยจะตกลงมาเจอกันลมร้อนที่ผลิตด้วย LNG

ทางเปาได้นำลมร้อนในระบบวนกลับมาเข้าหออบซ้ำ ทำให้ลดค่าเชื้อเพลิงไปได้ถึง10%

การผลิตปริมาณมากในเครื่องสเปรย์ดรายนั้นการลดค่าเชื้อเพลิงซึ่งเป็นต้นทุนหลัก

ทำให้ลดต้นทุนการผลิตไปได้มาก

3.ผงที่ได้จะนำมาคัดเลือกขนาดของแล้ว

4.นำผงซักฟอกมาเติมกลิ่น หรือส่วนประกอบช่วยซักแบบต่างๆ

5.นำไปบรรจุเข้าซอง ซีลปากถุงและนำไปลงกล่องพร้อมขนส่ง

โรงงานผงซักฟอกเปาเป็นโรงงานขนาดใหญ่ที่น่าทึ่งมากๆ สามารถผลิตได้ 1 ถุงต่อวินาที

แต่ใช้คนควบคุมการผลิตเพียง2คน ด้วยเทคโนโลยี SCADA ทำให้สามารถควบคุมการผลิตทั้งระบบ

ได้จากห้องควบคุม โดยไม่จำเป็นต้องมีคนควบคุมอยู่หน้าเครื่องจักรต่างๆ

แม้แต่การล้างเครื่องสเปรย์ดรายแบบดั่งเดิมที่ใช้คนเข้าไปฉีดล้างในหออบ

ก็เปลี่ยนมาเป็นการล้างด้วยระบบ spraying อัตโนมัติ ไม่จำเป็นต้องใช้คนล้างเลย

แม้ว่าการผลิตแบบอัตโนมัติทั้งหมดช่วยให้ทำงานได้ง่ายสะดวก ลดปริมาณคนงาน

แต่การทำระบบอัตโนมัติมีราคาสูง จึงไม่เหมาะกับการผลิตปริมาณน้อยถึงปานกลาง

การผลิตควรเป็นการผลิตเหมือนเดิมในปริมาณที่มากเป็นเวลาต่อเนื่อง

หากผลิตน้อยไปจะไม่คุ้มต่อการเดินเครื่องและการลงทุนเครื่องจักรอย่างสเปรย์ดราย

ในระดับอุตสาหกรรมขนาดเล็กหรือกลางเหมาะกับสเปรย์ดราย semi-automatic

มีการเดินเครื่องสเปรย์ดราย 6-7 ชั่วโมงต่อวัน

 

ขอขอบคุณเสื้อร้องได้และบริษัทไลอ้อนที่เอื้อเฟื้อความรู้ดีๆ

by satit.t satit.t

ประโยชน์ของ สเปรย์ดราย Spraydry

สเปรย์ดรายเป็นการทำของเหลวให้เป็นผง

การทำเเปรสภาพเป็นผงทำให้สารมีความเข้มข้นสูง ส่วนที่เป็นน้ำระเหยออกไปจากวัตถุดิบ

สิ่งที่ได้ตามมาจากกระบวนการสเปรย์ดรายคือ

1.เพิ่มทางเลือก

ความเข้มข้นของวัตถุดิบ ทำให้ผู้บริโภครับประทานเป็นผง หรือเป็นเม็ด ซึ่งทำให้เพิ่มทางเลือกกับผู้บริโภค

ตัวอย่างน้ำสมุนไพรที่มีรสชาติหรือกลิ่นที่ทำให้ทานยากสำหรับบางคน การทานเป็นเม็ดแคปซูล หรือเป็นเม็ดอัด นั่นง่ายกว่ามาก

ยาจีนต้มหนึ่งหม้อสามารถสเปรย์ดรายแปรรูปเป็นยาเม็ดเพียงเม็ดเดียว ทานน้ำตามกลืนได้ง่ายดาย

2.ลดค่าขนส่ง

เนื่องจากของเหลวน้ำถูกระะเหยออกจาก 100 กิโลกรัม ลดเหลือ 10 กิโลกรัม หรือ 1กิโลกรัม

น้ำหนักที่ลดลงเป็น 90% หรือ99% ขึ่้นอยู่กับวัตถุดิบ หมายถึงค่าขนส่งที่ลดลงตามน้ำหนัก

เนื่องจากค่าขนส่งคิดตามน้ำหนักของที่ทำการขน

3.พร้อมชงดื่ม

ตัวอย่าง ชา กาแฟสดนั้น จำเป็นต้องทำการชงแล้วกรองเนื้อกากของแข็งออก แต่การสเปรย์ดรายของเหลวจากการชงสด

ทำให้สามารถนำผงชา กาแฟ สำเร็จรูปพร้อมชงดื่ม เพียงเทน้ำร้อนก็พร้อมดื่ม ไม่จำเป็นต้องกรองกากออก

เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเก็บกาแฟในบ้าน หรือออฟฟิศ สามารถหยิบมาชงทานได้ทุกเมื่อ

4.เพิ่มอายุการเก็บ

ด้วยความแห้งของผงทำให้เชื้อต่างๆสามารถเกิดขึ้นได้ยาก จากนมสดเก็บได้เพียง 1-2 อาทิตย์

เมื่อสเปรย์ดรายทำให้เก็บน้ำผงได้นานถึง 1 ปี

5.สะดวกต่อการเก็บ

อาหารหรือเครื่องดื่มหลายอย่างจำเป็นต้องเก็บในความเย็นถึงจะสามารถเก็บไว้ได้นาน

ในการเดินทางหรืออยู่นอกบ้าน เราไม่สามารถนำตู้เย็นไปกับเรา หรือหากต้องใช้มากๆก็จำเป็นต้องมีตู้เย็นขนาดใหญ่

อย่างอาหารของทหาร หรือนักบินอวกาศ ก็มักจะเป็นของแห้งเพื่อให้พกพาไปได้สะดวก

หรือเวย์โปรตีนสำหรับผู้ที่ทานประจำปริมาณมาก การเก็บน้ำโปรตีนไว้ไม่สะดวกนัก

by satit.t satit.t

ทิศการพ่นฝอยในเครื่องสเปรย์ดราย

ทิศทางการพ่นละอองฝอยในเครื่องสเปรย์ดรายมีแบบทวนลม counter current และตามลม co-current

การพ่นฝอยจากล่างขึ้นบนไปเจอลมร้อนที่ลงมา เรียกว่า แบบทวนลม counter current

การพ่นฝอยจากบนลงล่างไหลมาทางเดียวกับลมร้อน เรียกว่า แบบตามลม co-current

การพ่นฝอยแบบทวนลมละอองจะลอยขึ้นแล้วจึงหมุนลงมาตามลมร้อน ทำให้การพ่นแบบทวนลมได้รับลมร้อนนานกว่า

เมื่อเทียบกับการฉีดแบบตามลม เนื่องจากแบบตามลมนั้นละอองจะหมุนลงแล้วถูกดูดออกไปทันที

การเลือกใช้แบบตามลมจึงมักใช้ในวัตถุดิบที่ไม่ทนต่อความร้อนมากนัก

by satit.t satit.t

การสเปรย์ดราย

 

การสเปรย์ดราย หรือ การอบผงแห้งแบบพ่นฝอย

เป็นการแปรรูปจากของเหลวให้เป็นผงแห้งละเอียด โดยที่ของเหลวถูกพ่นเป็นละอองฝอยในถังอบแห้งที่มีลมร้อนภายใน

เมื่อละอองฝอยโดนลมร้อน น้ำจะระเหยออกกลายเป็นผงแห้ง

 

by satit.t satit.t

ต้นทุนการผลิตด้วยเครื่องสเปรย์ดราย

ต้นทุนการผลิตประกอบด้วยหลักๆ คือ วัตถุดิบป้อน ค่าแรงผู้ควบคุมเครื่อง ค่าพลังงานป้อนเครื่องสเปรย์ดราย

ค่าวัตถุดิบ เป็นต้นทุนหลัก ขบวนการแปรรูปวัตถุดิบเพื่อให้ได้ของเหลวพร้อมป้อนสเปรย์ดราย

หลายคนอาจไม่ทราบ แต่การเตรียมวัตถุดิบให้พร้อมกับการทำผงด้วยสเปรย์ดราย มีความจำเป็นมาก

ยิ่งวัตถุดิบมีราคาสูง หรือผลิตปริมาณที่มาก ยิ่งต้องทำการวิจัยให้เหมาะสม

ของเหลวที่มีความหนืด หรือมีความชื้นสูงมากไป จะทำให้สิ้นเปลืองต้นทุนการผลิต

ค่าแรง ขึ้นอยู่กับขนาดของเครื่องสเปรย์ดราย ลักษณะของการปฏิบัติงาน ความสามารถของผู้ควบคุม

โดยทั่วไปขนาดเครื่องใหญ่ไม่เกิน 50 ลิตร ต่อชั่วโมง ใช้คนควบคุมเพียง 1-2 คน

หากเป็นไลน์การผลิตที่ต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง ไม่จำเป็นต้องมีผู้ควบคุมตลอดเวลาทำงาน

ค่าพลังงาน อยู่ที่ขนาดของเครื่องสเปรย์ดรายและเเหล่งที่มาของพลังงาน

ค่าไฟฟ้าใช้ป้อนส่วนตู้ควบคุมไฟฟ้าหน้าจอมอนิเตอร์ต่างๆ

ค่าพลังงานความร้อน หากเป็นสเปรย์ดรายขนาดเล็กมักเลือกใช้ฮีตเตอร์ไฟฟ้าซึ่งมีค่าไฟที่สูง

แต่สเปรย์ดรายจะมีราคาถูก และควบคุมได้ง่ายเพราะเป็นการปรับไฟฟ้าโดยตรง

ในเครื่องสเปรย์ดรายขนาดใหญ่กว่า 100 ลิตร มักใช้เชื้อเพลิงจากแก๊ส LPG NG Methane

จะมีค่าพลังงานที่ถูกกว่าฮีตเตอร์ไฟฟ้า 3-4 เท่าตัว

ต้นทุนอื่นๆ เช่น ค่าน้ำ ค่าน้ำยาล้างเครื่อง ในส่วนนี้หากเป็นวัตถุดิบล้างยาก และล้างทุกวันก็จะใช้มาก

แต่ในเครื่องขนาดใหญ่ๆมักไม่ทำการล้างเครื่องกันบ่อยเพราะเปลือง

ค่าวัสดุสิ้นเปลืองเช่น หัวฉีด ซีลยาง ซีลปะเก็น โดยทั่วไปจะเปลี่ยนปีละครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะวัตถุดิบ

หากวัตถุดิบมีลักษณะการกัดกร่อน มีค่าPHสูงหรือต่ำมาก จะทำให้วัสดุเสื่อมเร็วกว่าปกติ

by satit.t satit.t

การเลือกขนาดเครื่องสเปรย์ดราย Spray dryer

มาตราฐานขนาดเครื่องจะวัดกันที่กำลังการผลิต หรือความสามารถในการระเหยน้ำ

เช่น เครื่องสเปรย์ดรายขนาดกำลังการระเหย 50 ลิตร ต่อชั่วโมง

spray dryer 50 litre

หากป้อนน้ำเปล่าเข้าเครื่องสเปรย์ดรายขนาด 50ลิตร น้ำจะระเหยหมดใน 1 ชั่วโมง

แต่ในวัตถุดิบแต่ละอย่างมีค่าวามร้อนที่เหมาะสมในการใช้ในเครื่องสเปรย์ดรายไม่เท่ากัน

โดยทั่วไปในอาหารจะใช้อุณหภูมิที่ 150-180 องศาเซลเซียส

ดังนั้นการตั้งค่าเครื่องสเปรย์ดรายต้องปรับอุณหภูมิลงมา ทำให้กำลังการระเหยจะลดลง

จากการระเหยน้ำสูงสุด 50 ลิตรต่อชั่วโมง อาจลดลงเหลือ 30 ลิตรต่อชั่วโมง

ก่อนเลือกขนาดที่เหมาะสมควรน้ำวัตถุดิบนั้นๆมาทดสอบให้ได้ค่าอุณหภูมิที่ดีที่สุด

เพราะหากเลือกค่าที่ต่ำจะส่งผลให้จำเป็นต้องเลือกขนาดของเครื่องสเปรย์ดรายที่ใหญ่เกินจำเป็น

ยกตัวอย่าง น้ำนม ที่มีเนื้อนมอยู่ 10% สเปรย์ดราย 100 กิโลกรัม จะได้นมผง 10 กิโลกรัม

น้ำที่ต้องระเหยออกประมาณ 100-10 = 90 กิโลกรัม

หากป้อนเข้าเครื่องสเปรย์ดราย 50ลิตร ที่ 180องศาเซลเซียส

จะใช้เวลาประมาณ 90/30 = 3 ชั่วโมง ในการสเปรย์ดราย

จากตัวอย่างจะเห็นได้ชัดว่าการทดลองหาจุดที่ดีที่สุด optimum point เป็นเรื่องสำคัญมาก

หากเป็นโปรเจคใหญ่ยิ่งส่งผลต่องบการลงทุนสูงเป็นหลักล้าน

บางครั้งในอุตสาหกรรมใหญ่ใช้อุณหภูมิสูงถึง 600 องศาเซลเซียส เนื่องจากวัตถุมีคุณสมบัติทนต่ออุณหภูมิที่สูงมาก