เครื่องบรรจุผงชา (TEA PACKING MACHINE)
ในยุคที่ตลาดชาเพื่อสุขภาพกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เครื่องบรรจุผงชา (TEA PACKING MACHINE) จึงกลายเป็นหัวใจหลักของผู้ประกอบการที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ลดต้นทุนแรงงาน และสร้างมาตรฐานสินค้าให้ดูดีและน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
เครื่องนี้คืออะไร
TEA PACKING MACHINE หรือ เครื่องบรรจุผงชา คือเครื่องจักรที่ใช้ในการบรรจุผงชาแห้งลงในซองบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นถุงซิป ถุงซองเล็ก หรือซองชาสำเร็จรูป โดยเครื่องสามารถบรรจุได้อย่างแม่นยำ รวดเร็ว และสม่ำเสมอ
หลักการของเครื่อง
TEA PACKING MACHINE ทำงานด้วยระบบอัตโนมัติหรือกึ่งอัตโนมัติ โดยใช้ระบบควบคุมปริมาณผงชา (DOSING SYSTEM) แล้วทำการบรรจุลงในวัสดุบรรจุ เช่น ฟิล์มพลาสติกหรือกระดาษกรอง ก่อนจะซีลปิดปากถุงด้วยความร้อน (HEAT SEALING)
บางรุ่นยังสามารถ ตัดซองอัตโนมัติ, ใส่เชือกและป้ายชื่อ, หรือ ชั่งน้ำหนักก่อนบรรจุ ได้ในเครื่องเดียว
องค์ประกอบของเครื่อง
-
HOPPER: ถังพักผงชา
-
AUGER FILLER หรือ VIBRATORY FEEDER: ระบบควบคุมการปล่อยผง
-
PACKAGING MATERIAL HOLDER: ส่วนรองรับม้วนฟิล์มหรือถุง
-
FORMING TUBE: อุปกรณ์ขึ้นรูปถุง
-
HEAT SEALING UNIT: ระบบซีลความร้อน
-
CUTTING SYSTEM: ระบบตัดซอง
-
CONTROL PANEL: หน้าจอควบคุมการทำงาน
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากเครื่องนี้
-
ชาซองสำเร็จรูป (TEA BAGS)
-
ผงชาสำหรับชง (INSTANT TEA POWDER)
-
ผงสมุนไพรบรรจุถุง (HERBAL TEA)
-
ผงชาละลายน้ำร้อน/เย็น (SOLUBLE TEA)
-
ชาเขียวผสมสมุนไพร (GREEN TEA BLENDS)
ราคาโดยประมาณของเครื่อง
-
เครื่องกึ่งอัตโนมัติ (SEMI-AUTOMATIC TEA PACKING MACHINE): ประมาณ 30,000 – 80,000 บาท
-
เครื่องอัตโนมัติเต็มระบบ (AUTOMATIC TEA PACKING MACHINE): ประมาณ 120,000 – 500,000 บาท ขึ้นอยู่กับฟังก์ชัน ขนาด และวัสดุที่รองรับ
ข้อดีข้อเสียของเครื่อง
ข้อดี
-
ประหยัดเวลาและแรงงาน
-
ลดความผิดพลาดในการบรรจุ
-
เพิ่มความสม่ำเสมอของสินค้า
-
ยกระดับภาพลักษณ์แบรนด์
-
บรรจุได้หลากหลายรูปแบบและขนาด
ข้อเสีย
-
ต้องลงทุนเริ่มต้นสูง
-
ต้องมีการดูแลรักษาเครื่องอย่างต่อเนื่อง
-
ต้องฝึกอบรมพนักงานก่อนใช้งาน
วิธีการเลือกเครื่อง
-
พิจารณาจาก ปริมาณการผลิตต่อวัน
-
เลือกเครื่องที่รองรับขนาดซองและบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการ
-
ดูจาก ความแม่นยำในการชั่งและบรรจุ
-
พิจารณาความสะดวกในการเปลี่ยนสูตร/ขนาด
-
ตรวจสอบว่ามี บริการหลังการขาย หรืออะไหล่สำรอง
-
หากเน้นผลิตระดับอุตสาหกรรม ควรเลือก AUTOMATIC TEA PACKING MACHINE
วัตถุดิบที่ใช้กับเครื่อง
-
ผงชาเขียว
-
ผงชาดำ
-
ผงชาอู่หลง
-
ผงสมุนไพร เช่น ฟ้าทะลายโจร ดอกคำฝอย
-
ผงผลไม้แห้งบด เช่น มะตูม เก๊กฮวย
-
ฟิล์มบรรจุ เช่น OPP, PET, PAPER TEA BAG MATERIAL
ประวัติความเป็นมาของเทคโนโลยีเครื่องบรรจุผงชา (HISTORY OF TEA PACKING MACHINE TECHNOLOGY)
เทคโนโลยี TEA PACKING MACHINE เริ่มต้นจากระบบกึ่งมือในยุโรปช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดยใช้แรงงานคนในการชั่งและตัดซองชา ต่อมาในช่วงปี 1950 ได้มีการพัฒนาเครื่องอัตโนมัติในประเทศญี่ปุ่นและเยอรมนี ซึ่งสามารถผลิตซองชาได้วันละหลายพันซองอย่างแม่นยำ ปัจจุบันมีการผสานเทคโนโลยี PLC CONTROL, WEIGHT SENSOR, และ ROBOTIC ARM ทำให้กระบวนการผลิตมีความแม่นยำและรวดเร็วสูงสุด
การพัฒนาเทคโนโลยี TEA PACKING MACHINE มีรากฐานยาวนาน โดยเริ่มต้นจากแนวคิดการแปรรูปชาให้อยู่ในรูปแบบที่สะดวกต่อการชงและจัดจำหน่าย ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคในโลกตะวันตกและต่อมาขยายไปทั่วโลก ดังนี้:
ยุคก่อนอุตสาหกรรม: การบรรจุชาด้วยมือ
ในช่วงศตวรรษที่ 17–19 การค้าชาระหว่างจีน อินเดีย และยุโรปเติบโตอย่างรวดเร็ว ผู้คนเริ่มดื่มชากันมากขึ้น โดยเฉพาะในอังกฤษและรัสเซีย การบรรจุชาในยุคนั้นใช้วิธีตักด้วยมือแล้วบรรจุลงกล่องหรือซองผ้าเล็ก ๆ ซึ่งใช้แรงงานจำนวนมากและใช้เวลา
ค.ศ. 1904 จุดเริ่มต้นของ “ถุงชา”
ผู้บุกเบิกถุงชาคนแรกคือ THOMAS SULLIVAN พ่อค้าชาจากนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ที่เริ่มส่งชาให้ลูกค้าทดลอง โดยใส่ไว้ในถุงผ้าเล็ก ๆ แทนการใช้กระป๋อง เมื่อผู้บริโภคเข้าใจว่าเป็น “ถุงชาสำเร็จรูป” ที่สามารถจุ่มน้ำร้อนดื่มได้เลย สิ่งนี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิด “TEA BAG” ที่เรารู้จักในปัจจุบัน
ค.ศ. 1920–1930 การเริ่มต้นของเครื่องบรรจุชา
หลังจากถุงชานิยมมากขึ้น มีการพัฒนาเครื่องบรรจุถุงชาแบบกึ่งอัตโนมัติในยุโรป เช่น เยอรมนีและอังกฤษ โดยใช้ระบบป้อนฟิล์มกระดาษและตัดถุง พร้อมเติมผงชาเข้าไป
หนึ่งในบริษัทบุกเบิกคือ TEEPACKจากประเทศเยอรมนี ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1948 และยังคงเป็นผู้นำด้านเครื่องบรรจุชาจนถึงปัจจุบัน
ค.ศ. 1950–1970 ระบบอัตโนมัติเริ่มแพร่หลาย
-
มีการใช้มอเตอร์ไฟฟ้า ควบคุมการตวง การตัด และการซีลถุง
-
เครื่องสามารถใส่ “เชือก” และ “ป้าย” เข้าไปในซองชาโดยอัตโนมัติ
-
เริ่มมีการแยกประเภทถุงชา เช่น ถุงเดี่ยว (SINGLE-CHAMBER) และถุงคู่ (DOUBLE-CHAMBER)
ค.ศ. 1980–2000 เทคโนโลยีควบคุมดิจิทัล
-
มีการนำ ระบบ PLC (PROGRAMMABLE LOGIC CONTROLLER) มาใช้ควบคุมการทำงาน
-
พัฒนาความเร็วจากเดิม 30–60 ซองต่อนาที เป็น 100–200 ซองต่อนาที
-
เครื่องรุ่นใหม่สามารถเปลี่ยนรูปแบบถุงหรือขนาดซองได้ง่ายขึ้น
ยุคปัจจุบัน (2000–ปัจจุบัน) AI และความแม่นยำสูง
-
มีการใช้ เซนเซอร์น้ำหนัก, ระบบตรวจจับอัตโนมัติ, และ อินเทอร์เฟซแบบสัมผัส (HMI)
-
เริ่มผสานระบบ AI เพื่อตรวจสอบคุณภาพผงชาและตรวจจับความผิดพลาดระหว่างบรรจุ
-
มีเครื่องที่สามารถบรรจุชาแบบผง ชาใบ หรือแม้แต่ชาผสมสมุนไพรแบบละเอียดในเครื่องเดียว
-
รองรับการบรรจุแบบแนวตั้ง (VERTICAL FORM FILL SEAL – VFFS) และแบบซองแบน (PILLOW BAG)
ความสำคัญของเทคโนโลยีนี้ในประเทศไทย
ในประเทศไทย TEA PACKING MACHINE ได้รับความนิยมมากขึ้นในกลุ่มผู้ประกอบการชาไทย ชาสมุนไพรพื้นบ้าน และกลุ่มสินค้า OTOP โดยเฉพาะเมื่อมีแนวโน้มส่งออกชาสมุนไพรไทย เช่น ใบหม่อน ใบเตย ตะไคร้ ฯลฯ ไปยังต่างประเทศ ความต้องการเครื่องจักรที่ได้มาตรฐานสากลจึงเพิ่มขึ้นตามลำดับ
อ้างอิง (REFERENCES)
- SULLIVAN, T. (1904). ประวัติการคิดค้นถุงชาในสหรัฐอเมริกา
- TEEPACK SPEZIALMASCHINEN GMBH & CO. KG. (1948–ปัจจุบัน). ผู้พัฒนาเครื่องบรรจุชารายแรกในเยอรมนี
- TEA ASSOCIATION OF THE USA. (2020). เอกสารเผยแพร่เกี่ยวกับวิวัฒนาการของถุงชา
- เครื่องบรรจุอัตโนมัติในอุตสาหกรรมอาหาร, วารสารอุตสาหกรรมอาหาร ปี 2565
- ข้อมูลเทคนิคจากเว็บไซต์ผู้ผลิตเครื่องบรรจุชา: FUSONG MACHINERY, SHANGHAI JOYGOAL, และ OMAG SRL